โดยการปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ ตามมาตรการข้างต้นส่งผลให้ต้นทุนของโรงแยกก๊าซฯ เปลี่ยนแปลงจากก๊าซฯ ในอ่าวไทยเป็นต้นทุนถัวเฉลี่ยก๊าซฯ จากทุกแหล่ง ได้แก่ อ่าวไทย เมียนมา และก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas: LNG) (Pool Gas) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินงานของธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ที่จะปรับสูงขึ้น ยกเว้นก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในประเทศ ทั้งนี้มาตรการข้างต้น เป็นมาตรการระยะสั้นจนกว่าจะมีการกำหนดโครงสร้างราคาก๊าซฯ อย่างเป็นทางการโดยคณะกรรมการกากับกิจการพลังงาน (กกพ.)แล้วเสร็จโดยจากการประมาณการผลกระทบเบื้องต้น ในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.67 จะทำให้ผลการดำเนินงานโดยรวมของธุรกิจก๊าซฯ ของ ปตท. ปรับตัวลดลงประมาณ 6,500 ล้านบาท
ปตท. ได้วางแผนเพื่อหามาตรการในการลดผลกระทบที่เกิดขึ้น เช่น การปรับแผนการเดินเครื่องของโรงแยกก๊าซฯ (Optimization) การเสนอแนวทางการจัดหา LNG เพื่อให้บรรลุเป้าหมายกรอบราคาค่าไฟฟ้าตามนโยบายภาครัฐ รวมถึง ปตท. จะหารือกับกระทรวงพลงังานถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯในภาพรวมทุกด้าน เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมร่วมกัน
ในส่วนของ Shortfall ซึ่ง กกพ. ได้มีคำสั่งว่า ปตท. คำนวณราคา Pool Gas ไม่ถูกต้อง และให้นำ Shortfall ช่วงเดือน ต.ค.63-ธ.ค.65 ราว 4,300 ล้านบาทมาคำนวณในราคา Pool Gas นั้น ปตท. เชื่อว่าได้คำนวณราคา Pool Gas ถูกต้องและเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และประกาศ กกพ. รวมทั้งถูกต้องตามสัญญาซื้อขายก๊าซฯ มาโดยตลอด ปตท. จึงได้ยื่นอุทธรณ์ ต่อมา กกพ.ได้มีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของ ปตท. โดยให้ปฏิบัติตามคำสั่งทันทีและหากไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยก็มีสิทธิยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง หรือยื่นเรื่องต่อสำนักงานอัยการสูงสุดตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดี พ.ศ. 2561 ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยของ กกพ.
ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งของกกพ.คณะกรรมการ ปตท.ในการประชุมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 จึงได้มีมติอนุมัติให้ ปตท.ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ กกพ. โดย ปตท. จะพิจารณาแนวทางดำเนินการหรือการใช้สิทธิตามกฎหมายที่จำเป็นและสมควรต่อไป