นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 67 ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท และยอดโอน 2.8 หมื่นล้านบาท ส่วนของรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าตั้งเป้าไว้ที่ 8.54 พันล้านบาท โดยวางแผนเปิดโครงการใหม่ 11 โครงการเป็นแนวราบล้วน ๆ มูลค่าโครงการรวม 3.02 หมื่นล้านบาท
บริษัทวางงบลงทุนรวม 1.15 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นใช้ซื้อที่ดิน 5 พันล้านบาท และลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า 6.5 พันล้านบาท ขณะที่มีแผนขายสินทรัพย์ศูนย์การค้า 1 แห่งเข้ากองทรัสต์ และเตรียมออกหุ้นกู้ 1.6 หมื่นล้านบาท คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) จะยังอยู่ในระดับใกล้เคียง 1 เท่า
ขณะที่โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ค่าเช่าทั้งที่ดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนามีทั้งหมด 16 โครงการ ดำเนินการโดยบริษัท LHMH 12 โครงการ และบริษัท LH USA 4 โครงการ
นายนพร กล่าวว่า กลยุทธ์ของ LH ในปี 67 จะหันมาเน้นด้านการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) หลังจากที่ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังเผชิญความท้าทายและแรงกดดันจากกำลังซื้อที่ยังไม่กลับมาดี ภาระหนี้สินครัวเรือนสูง ความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อเของสถาบันการเงิน และซัพพลายในตลาดที่ยังค่อนข้างมาก ทำให้ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ส่งผลให้บริษัทจะเน้นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ประจำ เช่น โรงแรม และศูนย์การค้า ทั้งในและต่างประเทศ
การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมในประเทศไทย จะเริ่มก่อสร้างโรงแรม แกรนด์ เซ็นเตอร์ พ้อยท์ พัทยา แห่งที่ 3 มูลค่า 4.4 พันล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการไตรมาส 1/70 ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่เข้ามาเพิ่มเติมจากโครงการอื่นที่พัฒนาไปแล้ว ได้แก่ ราชดำริ และลุมพินี และในสหรัฐจะเข้าซื้อโรงแรมแห่งใหม่ในลอสแองเจลลิส 1 แห่ง มูลค่า 2.4 พันล้านบาท คาดว่าจะปิดดีลได้ไตรมาส 1/67 "เรากลับไปดูด้าน Investment มากขึ้น เช่น การลงทุนโรงแรม หรือศูนย์การค้า ซึ่งสอดคล้องกับภาวะของตลาดอสังหาฯที่ยังท้าทาย ทำให้ทางนี้เรามองว่าน่าจะเหมาะสม และเป็นการลงทุนเพื่อ Medium to long term ของบริษัท" นายนพพร กล่าว สำหรับการออกหุ้นกู้ของบริษัทมูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท เพื่อชดเชยหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดอายุ จะทยอยออกตลอดทั้งปี เฉลี่ยอายุหุ้นกู้ 2-2.5 ปี แม้จะมองว่าการออกหุ้นกู้ในปีนี้ถือว่าเผชิญความท้าทายจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนอยู่บ้าง แต่บริษัทก็เตรียมแนวทางขอวงเงินสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ไว้เพื่อรองรับหากขายหุ้นกู้ไม่เป็นไปตามเป้า โดยการนำโครงการที่เตรียมพัฒนาไปเสนอขอวงเงินจากธนาคารพาณิชย์ไว้รองรับ
ด้านการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ในปี 67 มีแผนขายศูนย์การค้าเทอมินอล 21 พัทยา มูลค่าราว 5 พันล้านบาท เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ (LHSC) โดยเทอมินอล 21 พัทยา ปัจจุบันมีอัตราการเช่า 94% ซึ่งถือเป็นโครงการที่มีศักยภาพ และเหมาะสม
ในปีนี้บริษัทจะยังไม่มีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม หลังจากเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม วัน เวลา ณ เจ้าพระยา มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาทไปแล้วในช่วงปลายปีก่อน ซึ่งปัจจุบันมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 5 พันล้านบาท และบริษัทยังคงเดินหน้าขายโครงการคอนโดมิเนียมที่เหลืออยู่ 4 โครงการในทำเลเพชรเกษม 48 สุขุมวิท 38 ทองหล่อ และพญาไท แต่ยังมีที่ดินที่รอการพัฒนาคอนโดมิเนียมเมื่อถึงจังหวะที่เหมาะสม ได้แก่ ทำเลศรีนครินทร์ สุขุมวิท 38 สุขุมวิท 57 และรัตนาธิเบศร์