บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ (INVX) มองเทรนด์ลงทุนปีมังกรทอง 67 จะเป็นปีแห่งการเน้นคุณค่า "A Year of Value Investing" ตลาดหุ้นไทยมีหุ้นราคาต่ำกว่ามูลค่าจำนวนมาก ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนระยะยาว ขณะที่ตลาดหุ้นในฝั่งเอเชียมีความน่าสนใจมากกว่าตลาดหุ้นชั้นนำอย่าง สหรัฐฯ และ ยุโรป เนื่องจากเศรษฐกิจเติบโตในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อลดลง มีโอกาสที่จะเห็นเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นมากหากดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง
*เป้า SET ปี 67 อยู่ที่ 1,650-1,700 จุด ยังเผชิญวิกฤตศรัทธา
IVNX ประเมินเป้าหมาย SET Index อยู่ที่ 1,650-1,700 จุด มองจุดเข้าซื้อที่สำคัญอยู่ที่ 1,400-1,450 จุด พร้อมชี้เป้าหุ้นเด่นเน้นโฟกัสที่คุณภาพและการฟื้นตัวของผลประกอบการ ได้แก่ AMATA BBL BEM BDMS CPALL CRC GULF OR SCC และ SCGP
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย IVNX กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในไตรมาส 1/67 ไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น SET ยังมีความผันผวนสูง ปัจจัยหนุนมาจากเศรษฐกิจของไทยคาดว่าจะเติบโต 3.2% ในปีนี้ และหากรวมดิจิทัลวอลเล็ตจะเติบโตได้ถึง 4.1% ดีขึ้นจากปี 66 ที่คาดเติบโต 2.5% ขณะที่มีแรงกดดันจากปัญหาหุ้นกู้มีโอกาสผิดนัดชำระ ซึ่งอาจทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องตั้งสำรองเพิ่ม แม้จะไม่ใช่ตัวเลขใหญ่เพราะแบงก์มีเงินทุนสำรองมากอยู่แล้ว แต่กระทบด้าน Sentiment
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเห็นเม็ดเงินต่างชาติ (Fund Flow) ไหลกลับมาหลังดอกเบี้ยปรับตัวลงชัดเจน และคาดว่าความผันผวนของตลาดหุ้นไทยน่าจะลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ดี ช่วงครึ่งปีแรกแนะลงทุนหุ้นคุณค่าที่ผลประกอบการดีต่อเนื่องแต่ราคาหุ้นลงมาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน
"ตลาดหุ้นไทยยังคง Under Value เพราะมีวิกฤตศรัทธา ...ความคาดหวังในไตรมาส 1 ลดลง ภาพรวมการลงทุนไม่น่าจะดีอย่างที่เป็น ต้องเลือกหุ้น Defensive หาหุ้นที่เหมาะทำ DCA เชื่อว่าเป็นจังหวะดี ขอให้เลือกบริษัทดี ถ้าจะรอจังหวะการลงทุนผมว่าเดายาก ถ้าเราซื่อถูกบริษัท ปลายทางคิดว่าปีนี้หุ้นน่าจะฟื้นตัวในทางที่ควรจะเป็น เชื่อว่าวิธีการลงทุน DCA จะรับมือความผันผวน นอกจากหนี้ให้ลงทุนสินทรัพย์หลากหลาย หุ้นต่างประเทศ กองทุนต่างประเทศ"
นายสุกิจ กล่าวว่า การลงทุนว่าในปีนี้ไม่ง่ายเหมือนเดิม เพราะการเติบโตของเศรษฐกิจโลกลดลง ทำให้การมองหาการลงทุนที่เติบโตสูงยากขึ้น และมีความเสี่ยงมากจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เกิดสงคราม หรือสงครามการค้า ความขัดแย้งมีหลายมิติ ซึ่งปีนี้ยังประมาทไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ยังมีผลต่อธุรกิจและผู้ประกอบการ ขณะที่คาดว่ามีโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเกิดภาวะถดถอยครึ่งปีแรก ทำให้ตราสารหนี้ยังคงเป็นสินทารัพย์ที่น่าสนใจลงทุนที่ยังให้ผลตอบแทนสูง และในครึ่งปีหลังสามารถลดการลงทุนตราสารหนี้สับเปลี่ยนมาลงทุนหุ้นหลังจากสหรัฐเห็นการปรับลดดอกเบี้ยชัดเจน
*ถอดรหัส 3 ตัวแปรหลักทำตลาดไทย-ตลาดโลกผันผวนรอลุ้นครึ่งหลังทิศทางชัดขึ้น
โดยสรุปแล้วปี 67 ยังเป็นปีที่ตลาดหุ้นโลกและไทยยังคงมีความผันผวน มีโอกาสเกิดขึ้นจาก 3 ปัจจัย 1) ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจเกิดภาวะถดถอยในช่วงครึ่งปีแรก และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะลดลงเร็วตามที่ตลาดการเงินกำลังคาดหรือไม่ หากเป็นไปตามคาดจะส่งผลต่อดีต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่และตลาดหุ้นไทย (การลดลงช้ากว่าคาดอาจทำให้ตลาดหุ้นผิดหวัง)
ด้านเศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างที่เป็นอุปสรรคสำคัญทำให้การเติบโตชะลอตัวลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ผ่านมา และกำลังสูญเสียความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจให้กับอินเดีย
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นว่าจะเริ่มหยุดการผ่อนคลายเมื่อใด ซึ่งจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น และตลาดอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงความคืบหน้าของโครงการ Digital wallet ของรัฐบาลไทยว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายหรือไม่
ส่วนปัจจัยที่ 2) เรื่อง Geopolitics จะสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินเพิ่มขึ้นบางช่วงเวลา เนื่องจากมีโอกาสกระทบต่อเศรษฐกิจผ่านทั้งทางเงินเฟ้อจากผลกระทบต่อราคาพลังงานและอาหาร รวมถึงการขนส่งสินค้า หรือก่อให้เกิดสงครามด้านเศรษฐกิจที่ขยายวงกว้างขึ้น เช่น กรณีสหรัฐฯ-จีน ต้องติดตามท่าทีของจีนต่อไต้หวันหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยเฉพาะผลกระทบต่อธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ และ การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯในเดือน พ.ย. จะส่งผลต่อเนื่องต่อสงครามรัสเซีย-ยูเครน
และปัจจัยที่ 3) ปัจจัยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและภัยธรรมชาติ ซึ่งคาดการณ์ยากแต่ไม่ควรมองข้าม
*เก็งทั้งปี 67 เฟดลดดอกเบี้ย 4 ครั้งแต่แบงก์ชาติยังไม่ลดตาม
ด้านนายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ Chief Commercial Officer IVNX กล่าวว่า การลงทุนในปี 67 ดอกเบี้ยจะเป็นปัจจัยที่ทรงพลังสร้างความผันผวนให้ตลาดหุ้นทั่วโลก อัตราแลกเปลี่ยน และ Fund Flow โดยตลาดมองว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 6 ครั้ง ขณะที่ IVNX มองว่าเฟดจะปรับลด 4 ครั้ง ซึ่งการลดดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลดีต่อตราสารหนี้ ควรเลือกหุ้นกู้คุณภาพดี เลี่ยงหุ้น High Yield เพราะมีความเสี่ยงในภาวะเศรษฐกิจถดถอย
"เมื่ออัตราดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ตราสารหนี้และทองคำให้ผลตอบแทนที่ดี ในขณะที่หุ้นยังมีความผันผวน ด้านการลงทุนในตลาดต่างประเทศที่นโยบายการเก็บภาษีสร้างความกังวลให้กับตลาด เรามองว่าการลงทุนในตลาดต่างประเทศยังมีความสำคัญ และเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีสินทรัพย์ทางเลือกที่หลากหลายกว่า และโอกาสการลงทุนที่มากกว่า"
นายปิยศักดิ์ มานะสันต์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน IVNX กล่าวว่า เศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้ว สหรัฐฯ ยุโรป กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งแรกของปี 67 และจะทำให้เฟดลดดอกเบี้ย 1% ในครึ่งปีแรก ในขณะที่เศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปด้วยแรงหนุนจากการผ่อนคลายนโยบายการเงิน แต่ยังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างโดยเฉพาะเงินฝืด
ส่วนในประเทศไทย คาดว่า ธปท. จะยังไม่ลดดอกเบี้ยในปีนี้ โดยมี 2 ปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ 1) เงินเฟ้อหดตัวต่อเนื่อง และ 2) โครงการ Digital Wallet ของรัฐบาล โดยเศรษฐกิจไทยในปี 67 มี Digital Wallet เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ หากผ่านไปได้ตามที่รัฐบาลประกาศจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ถึง 4.1% แต่หากไม่ผ่านเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เพียง 3.2%
*เน้นลงทุนตราสารหนี้คุณภาพดี กระจายลงทองคำ/REIT
นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย นักวิจัยการลงทุนอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน IVNX ให้คำแนะนำในการจัดสรรสินทรัพย์ปีนี้ 1) เน้นการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูงทั้งพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนที่มีอันดับ Investment Grade ขึ้นไป ซึ่งได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ลดลงในอนาคต 2) การลงทุนในหุ้นเอเชียรวมถึงไทยน่าสนใจกว่าตลาดพัฒนาแล้ว จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ขณะที่การลงทุนในหุ้นโลกช่วงครึ่งหลังปี 67 เริ่มกลับมาดีขึ้นตามเศษฐกิจที่เริ่มฟื้น โดยจะเน้นไปในหุ้น Value และ Cyclical 3) กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ และ REITs
ประเด็นสำคัญในปีนี้ ได้แก่ 1. เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลง 1% มาที่ 4.4% ทำให้เศรษฐกิจในสหรัฐเริ่มดีขึ้นในครึ่งหลังปี 67 จากช่วงครึ่งปีแรกอาจถดถอย 2. ค่าเงินบาทเฉลี่ย 35-36 บาท/ดอลลาร์ 3. ดอกเบี้ยนโยบายของไทยทรงตัวไปถึงสิ้นปี 2.5% โดยเงินเฟ้ออาจจะติดลบต่อ และ 4. ราคาน้ำมันเฉลี่ย 80 เหรียญ/บาร์เรล
นายสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน IVNX กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยจะปรับเพิ่มขึ้น แต่ความผันผวนยังมีตลอดทั้งปี ปัจจัยหนุนมาจากงบประมาณที่กำลังทยอยเบิกจ่าย และมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ กลุ่มหุ้นยั่งยืน (ESG) จะมีความสำคัญ และได้รับความสนใจเข้าลงทุนเพิ่มมากขึ้น
ในส่วนของหุ้นต่างประเทศแนะนำลงทุนหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับธีมเทคโนโลยีที่ได้ประโยชน์จากการใช้งาน AI ซึ่งเหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาวกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์อยู่ในช่วงวัฏจักรขาขึ้น การฟื้นตัวยังน่าสนใจในช่วงครึ่งแรกปี 67 นอกจากนั้นยังเน้นการลงทุนในหุ้นคุณภาพดีที่ราคาลดลงแรง