โบรกเกอร์เชียร์ "ซื้อ" หุ้น บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) เก็งงบไตรมาส 4/66 โดดเด่นสุดในกลุี่มแบงก์ใหญ่ พร้อมมุมมองทิศทางผลการดำเนินงานยังเติบโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์ดอกเบี้ยสูงดัน NIM เพิ่ม หนุนกำไรปี 67 พร้อมปันผลสูงน่าดึงดูดมากที่สุดในกลุ่ม ขณะที่ Downside ราคาเริ่มจำกัด เตรียมรับการเติบโตหลังปรับโครงสร้างธุรกิจเริ่มเห็นผลชัดเจนปีนี้
หยวนต้า ซื้อ 128 แลนด์ แอนด์ เฮาส์ ซื้อ 126 ทิสโก้ ซื้อ 122 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 121 กรุงศรี ซื้อ 120 บัวหลวง ซื้อ 115 ฟิลลิป ซื้อ 114 เอเซีย พลัส ซื้อ 111 กสิกรไทย ซื้อ 108
นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย คาดว่ากำไรไตรมาส 4/66 ของ SCB จะโดตเด่นสุดในกลุ่มแบงก์ คาดกำไรจะเติบโต 33% จาก NIM ปรับขึ้นต่อ และ Credit cost ปรับลดลง ยังรับปัจจัยหนุนจากดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น และส่งผลดีต่อภาพรวมของผลการดำเนินงาน
ดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้นในปีก่อนยังส่งผลบวกมาถึงปี 67 แต่อาจจะไม่ได้เติบโตเหมือนปี 66 ที่คาดว่าจะมีกำไร 4.24 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 12.7% โดยที่ประเมินกำไรปีนี้ 4.31 หมื่นล้านบาท แต่ในแง่ของความน่าสนใจของ SCB อยู่ที่ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงถึง 6% และราคาหุ้นมี Downside จำกัด ยังแนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 108 บาท/หุ้น
ด้าน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มอง SCB น่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มแบงก์ใหญ่ด้วยกัน SCB ให้ผลตอบแทนจากปันผลสูงกว่า 7% และหากดูที่ผลการดำเนินงาน SCB ยังได้ประโยชน์จากรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ประเมินกำไรปี 66 เติบโต 10.8% จากปี 65 และปี 67 จะทำกำไรเติบโตต่อเนื่องได้ที่ 13.3%
นอกจากนี้ SCB หลังจากปรับโครงสร้างธุรกิจมาเป็น Holding company ทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น และมีโอกาสเติบโตถึงแม้ว่าอาจช้ากว่าที่คาดหวังไว้ก่อนหน้า แต่รายได้จากธุรกิจนอกเหนือธุรกิจธนาคารจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และเห็นผลชัดเจนที่จะเข้ามาหนุน SCB ในปี 67 แนะ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 114 บาท/หุ้น
ส่วน บล.กรุงศรี มอง Valuation หุ้น SCB ยังค่อนข้างถูก และความเสี่ยง Downside ของราคาจำกัด โดยหากมองผลตอบแทนจากเงินปันผลถือว่ามีความน่าดึงดูด คาดว่าอยู่ที่เฉลี่ย 7.1-7.6% ต่อปี
ด้านของผลดำเนินงานคาดกำไรปี 67 จะเติบโต 8% จากปีก่อน ขณะที่ Preview กำไรปี 66 คาดเติบโต 15% ยังคงได้รับอานิสงส์จาก NIM เพิ่มขึ้น และปี 67 คาด NIM จะเพิ่มเป็น 3.78% จาก 3.67% ในปี 66 ส่วนต้นทุนมีแนวโน้มลดลงหลังจากปรับโครงสร้างธุรกิจสำเร็จลงไปแล้ว หนุนให้ค่าใช้จ่ายต่างๆ ลดลง และเป็นบวกต่อกำไร SCB