นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าดัชนีน่าจะดีดตัวบ้าง หลังจากปรับตัวลงลึกต่อเนื่องหลายวันลงมาต่ำสุดที่ 1,374 จุด โดยนักลงทุนรอติดตามผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ในไตรมาส 4/66 ซึ่งเมื่อวานนี้มีการประกาศงบของ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ซึ่งมีรายละเอียดว่ากำไรที่ต่ำกว่าตลาดคาด ทั้ง QOQ และ YOY ส่วนหนึ่งมาจากบันทึกบัญชี Mark to Market พอร์ตการลงทุนสิ้นปี โดยปีที่แล้ว SET ลงมาค่อนข้างมากส่งผลให้เมื่อสิ้นปีหุ้นในพอร์ตที่ BBL ลงทุนมีการปรับมูลค่าหลักทรัพย์ ซึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าจะเป็นขาดทุน ส่งผลให้ผลประกอบการต่ำกว่าคาดเล็กน้อย
ขณะที่ NIM ยังอยู่ในระดับที่นักวิเคราะห์คาด ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเล็กน้อยตาม Seasonal ของไตรมาส 4 ซึ่งธุรกิจหลักของธนาคารยังคงเติบโตอย่างปกติ และ NPL ลดลงสะท้อนการควบคุมหนี้เสียปกติดี คาดว่าธนาคารอื่น ๆ ที่จะทยอยประกาศแนวโน้มน่าจะออกมาใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตามตลาดน่าจะรับรู้ปัจจัยดังกล่าวไปแล้ว
นายศราวุธ กล่าวว่า ตอนนี้หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวน่าสนใจ อาทิ AOT ERW เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวช่วงสองสัปดาห์แรกถือว่าดีมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เข้าประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ส่งผลให้หุ้นกลุ่มโรงแรมการท่องเที่ยวกลับเข้าไปเก็งกำไรได้
รวมทั้งกลุ่มน้ำมันที่น่าจะมีรีบาวด์ เนื่องจากเมื่อคืนราคาน้ำมันดีดขึ้น จากสถานการณ์ความไม่สงบในทะเลแดงยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง โดยแนะนำ PTTEP
โดยให้กรอบแนวรับ 1,374 จุด และแนวต้าน 1,385 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (18 ม.ค.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,468.61 จุด เพิ่มขึ้น 201.94 จุด หรือ +0.54%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,780.94 จุด เพิ่มขึ้น 41.73 จุด หรือ +0.88% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,055.65 จุด เพิ่มขึ้น 200.03 จุด หรือ +1.35%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 15,404.69 จุด เพิ่มขึ้น 12.9 จุด หรือ +0.08% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,836.97 จุด ลดลง 8.81 จุด หรือ -0.31% ขณะที่ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 35,913.72 จุด เพิ่มขึ้น 447.55 จุด หรือ +1.26%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ม.ค.) ที่ 1,377.93 จุด ลดลง 2.72 จุด (-0.20%) มูลค่าการซื้อขาย 50,984.88 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,536.72 ล้านบาท (18 ม.ค.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.(18 ม.ค.) เพิ่มขึ้น 1.52 ดอลลาร์ หรือ 2.09% ปิดที่ 74.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ม.ค.) อยู่ที่ 8.06 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.53 แข็งค่าตามทิศทางภูมิภาค ตลาดรอดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐคืนนี้
- นายกฯ ถกบิ๊กคอร์ปเวที WEF ดึงลงทุนไทย เผยหารือกูเกิล-เนสท์เล่ พร้อมเดินหน้าลงทุนไทยต่อ "ดูไบเวิลด์" สนใจแลนด์บริดจ์ ระบุพอใจเข้าร่วมเวทีระดับโลก มั่นใจเกิดนำไปต่อยอดได้ เผยปีหน้าเข้าร่วมอีก
- "เมอส์ก" คาดขนส่งในทะเลแดงชะงัก 2-3 เดือน หลังสหรัฐโจมตีฐานที่มั่นฮูตี ในเยเมนระลอกใหม่ สรท.เผยยืดเยื้อเกินคาดการณ์ ดันค่าระวางพุ่ง โดยเฉพาะเส้นทางไทยไปยุโรปพุ่งสูง ถึง 3,000-5,000 ดอลลาร์ต่อตู้ จำต้องแบกต้นทุนเพิ่ม ขึ้นราคาสินค้าไม่ได้
- เผยไทยพบแร่ศักยภาพลิเทียม-โซเดียม แร่หลักในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า 100% เดินหน้า ตรงตามเป้าหมายสู่การเป็นศูนย์กลาง-ฐานการผลิตแบตเตอรี่ EV ในภูมิภาค
- ก.ล.ต.ออก 3 ประกาศปรับเกณฑ์ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ปรับการลงทุนในโทเคนดิจิทัล-กำกับดูแลผู้ให้บริการกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลที่รับฝาก-เกณฑ์โฆษณาของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 16 ม.ค.67
- กรณีที่มีข่าวว่า เกีย คอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสองของเกาหลีใต้ ตัดสินใจไม่ลงทุนในไทยนั้น ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้รับการยืนยันจากเกีย ว่ายังคงเดินหน้าการเจรจากับรัฐบาลไทยและจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด
*หุ้นเด่นวันนี้
- PR9 (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 18.50 บาท หุ้นกลุ่มโรงพยายามเป็นกลุ่ม defensive สำหรับช่วงที่ตลาดยังมีความคลุมเครือ อย่างไรก็ตาม PR9 มี growth story ที่ชัดเจน โดยผู้บริหารยังคงตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 2567 ที่ตัวเลขสองหลักที่ต่ำ และอัตรากำไรสุทธิใกล้เคียงหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2566 ขณะเดียวกันผู้บริหารพอใจกับแนวโน้มผู้ป่วยใน (IPD) ช่วง 10 วันแรกของปี 2567 ซึ่งสะท้อนอัตราการครองเตียงที่เพิ่มขึ้น YoY นอกจากนี้ การปรับปรุงพื้นที่ชั้น 2 (ทางเข้าหลัก) จะแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาส 1/2567 โดยน่าจะช่วยดึงดูดผู้ป่วยให้เข้ามาใช้บริการได้มากขึ้น และสนับสนุนการปรับขึ้นราคา ทั้งนี้ PR9 จะยังคงเพิ่มค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ และทำตลาดผู้ป่วยต่างประเทศเพิ่มในปี 2567 รวมทั้งมีแผนที่จะอัปเกรดระบบไอทีเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน
- SAFE (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 25 บาท คาดกำไรุสทธิไตรมาส 4/66 +5%q-q, +96% y-y เป็น 63 ลบ.จากการเพิ่มขึ้นของรายได้บริการผู้มีบุตรยากและการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน ทำให้กำไรปี 2566 จบที่ 212 ลบ. +31%y-y แนวโน้มปี 2568 สดใสจาก demand ของการมีบุตรในปีมังกร ซึ่งมีความต้องการทั้งคนไทยและต่างขาติ รวมถึง demand ปกติที่คนสมัยนี้มีบุตรยาก เราคาดกำไรปี 2567 +33% y-y เป็น 281 ลบ.ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ PE 22.5x ถูกกว่า GFC ที่ 24.7x และกลุ่มการแพทย์ที่ 25-30%
- AH (ลิเบอร์เรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 35.00 บาท คาดแนวโน้มปี 2567 ยังเน้นที่กลุ่มลูกค้าหลัก คือ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ผสานการขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม EV จากฐานการผลิตในโปรตุเกส จีน และไทย ไทยพบแหล่งลิเทียม ใหญ่อันดับ 3 ของโลก คาดเป็นแรงหนุนต่อการขยายตัวของ EV ในไทย ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายเพียง PE 5.5 เท่า และคาดปันผลสูงราว 5.5% ถือเป็นระดับที่น่าทยอยสะสม