TTB บวก 5.92% มาอยู่ที่ 1.79 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 737.65 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.10 น. โดยเปิดตลาดที่ 1.76 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.80 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.76 บาท
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ประกาศกำไรไตรมาส 4/66 ที่ 4,866 ล้านบาท ดีขึ้น 3% QoQ และ 26% YoY ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าราว 9% โดยสินเชื่อรวมอ่อนตัว 3%QoQ จากการชำระคืนสินเชื่อหมุนเวียนของสินเชื่อธุรกิจและการปรับลดพอร์ตสินเชื่อ SME ขณะที่ NIM ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อราว 6 bps ตามการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายรอบล่าสุด ด้านรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยค่อนข้างทรงตัว QoQ แต่รายได้ค่าธรรมเนียมยังปรับตัวดีขึ้นตามฤดูกาล
ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 7%QoQ ตามฤดูกาลเช่นกัน ปัจจัยหนุนหลักจึงมาจากผลประโยชน์ทางภาษีที่เกิดขึ้นจากการลงทุนในธนาคารธนชาตหลังจากที่ชำระบัญชีเสร็จสิ้นแล้ว ทำให้มีการบันทึกรายการกลับภาษีเข้ามาราว 4.2 พันล้านบาท ด้วยผลประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวทำให้ธนาคารมีการเพิ่มสำรองหนี้ 114%QoQ และทำให้ NPL Coverage Ratio เพิ่มขึ้นเป็น 155% จาก 144% ใน ไตรมาส 3/66
พร้อมกันนั้นเราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 67 ขึ้นอีก 9% จากประมาณการก่อนหน้ามาอยู่ที่ 21,053 ล้านบาท (+14%YoY) ยังคงคาด NIM จะอ่อนตัวลงตามแนวโน้มต้นทุนทางการเงินที่ปรับตัวขึ้นตามการ Repricing ของเงินฝากประจำ อย่างไรก็ตามธนาคารยังมีผลประโยชน์ทางภาษีที่เหลืออีกราว 1.55 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถทยอยใช้ประโยชน์ได้จนถึงปี 71 โดยเราคาดว่าจะมีการใช้ประโยชน์ทางภาษีปีละราว 3 พันล้านบาท เมื่อรวมกับการนำผลประโยชน์ทางภาษีในปี 66 ที่ผ่านมาไปตั้งสำรองส่วนเกิน คาดว่าจะลดแรงกดดันในการตั้งสำรองในปีถัดไปได้ระดับหนึ่งอีกด้วย
จากการปรับเพิ่มประมาณการ ทำให้เราปรับราคาเป้าหมายปี 67 ขึ้นเป็น 2.10 บาท อิง PBV 0.85 เท่า แม้ว่าผลประโยชน์ทางภาษีที่เกิดขึ้นจะไม่ได้เกิดขึ้นจากการปรับตัวดีขึ้นของผลประกอบการโดยตรง แต่ทางธนาคารสามารถนำไปตั้งสำรองส่วนเกิน และลดแรงกดดันจากการตั้งสำรองในอนาคต ทำให้เรามีมุมมองของผลประกอบการในอนาคตดีขึ้น จึงปรับคำแนะนำจาก "ถือ" เป็น "ซื้อ"