CONSENSUS: CPALL ถึงจังหวะ "สะสม" เก็ง Q4/66 กำไรโต YoY,QoQ ร้าน 7-11 เหนือคู่แข่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 22, 2024 15:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) จากกำไรในไตรมาส 4/66 เติบโตแข็งแกร่ง ตามยอดขายร้าน 7-11 สินค้ากลุ่ม Ready To Eat & Drink เป็นจุดแข็งหลัก แม้การแข่งขันในธุรกิจร้านสะดวกซื้อรุนแรงขึ้น หลังจากมีผู้เล่นรายเดิมและรายใหม่เข้ามารุกตลาดเพิ่มขึ้น เช่น CJ, ร้านโดนใจ BJC แต่กำไรปี 66 ยังเติบโตกว่า 30%

ส่วนในปี 67 คาดกำไรยังเติบโตต่อเนื่อง จากยอดขายเดิมร้าน 7-11 ยังขยายตัว และเปิดสาขาใหม่เพิ่ม อีกทั้งผลประกอบการ CPAXT และ Lotus's ดีขึ้นเข้ามาช่วยเสริม

ขณะที่ ราคาหุ้น CPALL ยัง underperform กว่า SET ตอบะรับความไม่แน่นอนของโครงการ "ดิจิทัลวอลเล็ต" และ CPAXT ที่ยังอ่อนแอในช่วงที่ผ่านมา โดยปิดเที่ยงวันนี้ ราคาหุ้น CPALL อยู่ที่ 52.25 บาท ลดลง 1.50 บาท (2.79%) ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาราคาปรับลงไป 3.59% ขณะที่ดัชนี SET ลดลง 1.20%

          โบรกเกอร์              คำแนะนำ         ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          แลนด์แอนด์เฮ้าส์           ซื้อ               82.00
          กสิกรไทย             Outperform          76.00
          หยวนต้าฯ                ซื้อ               74.00
          อินโนเวสเอกซ์         Outperform          74.00
          พาย                    ซื้อ               72.00
          ดีบีเอสวิคเคอร์สฯ          ซื้อ               72.00
          บัวหลวง                 ซื้อ               68.00
          ดาโอ                   ซื้อ               80.00
          กรุงศรี                  ซื้อ               65.00

น.ส.ธรีทิพย์ วงษ์แสงไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย มีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้น CPALL ให้ราคาเป้าหมาย 76 บาท ปัจจัยระยะสั้น คาดผลประกอบการในไตรมาส 4/66 จะมีกำไรสุทธิ 4,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ รับผลบวกจาก บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CPAXT) เติบโตได้ดี และยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของร้านสะดวกซื้อ เติบโตใกล้เคียงไตรมาส 3/66

แนวโน้มในปี 67 คาดการณ์ยอดขายสาขาเดิมของร้านสะดวกซื้อยังเติบโตต่อเนื่องได้ในทิศทางเชิงบวก และคาดว่ารายได้และกำไรของ CPAXT จะเติบโตมากกว่า 30% ส่งผลดีต่อ CPALL

ประเมินกำไรสุทธิปี 66 จะอยู่ที่ 17,500 ล้านบาท เติบโต +32.4% yoY และปี 67 คาดกำไรสุทธิ 20,900 ล้านบาท เติบโต 19%

สำหรับปีหน้า CPALL มีหุ้นกู้ครบกำหนดรวม 2.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป้นหุ้นกู้ที่มีต้นทุนการเงินสูง โดยบริษัทมีแผนรีไฟแนนซ์ น่าจะทำให้ต้นทุนการเงินดีกว่าเดิม และได้ไม่กังวลกับการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ เพราะ CPALL มีเครดิตเรทติ้งอยู่ในระดับที่ดี

อย่างไรก้ดี ราคาหุ้น CPALL อาจไม่ตอบรับปัจจัยพื้นฐานเท่าใดนัก แต่เมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มค้าปลีกก็ยังแช็งแกร่งกว่าตัวอื่น โดยปัจจัยลบสำคัญคือความกังวลที่มีความไม่แน่นอนอนของโครงการ ดิจิทัล วอลเล็ต และยังไม่เห็นมาตรการกระตุ้นอย่างอื่นจากภาครัฐ

หาก ดิจิทัล วอลเล็ต เลื่อนจากกำหนดการเดิม หรือมีการปรับลดขนาดโครงการลง ก็จะส่งให้ Sentiment ไม่ค่อยดี ส่วนโครงการ Easy e-Receipt นั้น CPALL ก็ไม่ได้รับประโยชน์มากนัก เพราะมีจำนวนเงินใช้จ่ายในร้านแต่ละครั้งไม่ค่อยสูง ทำให้ราคาหุ้น CPALL ไม่ได้ไปไหนไกล

*ร้านสะดวกซื้อแข่งเดือดแต่ 7-11 เหนือคู่แข่ง

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กำไรปกติในไตรมาส 4/66 ของ CPALL คาดไว้ที่ 4.78 พันล้านบาท (+12.2% QoQ และ +64.6% YoY) ได้แรงหนุนจากทั้งธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่ไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษโบนัสพนักงาน และธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก (CPAXT) ปรับตัวดีขึ้นจากค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง

รายได้ในปี 66 คาดไว้ที่ 2.32 แสนล้านบาท (+5.4%QoQ+5.9%YoY) หนุนจาก 1) SSSG ทุกธุรกิจสามารถขยายตัวได้ โดยร้านสะดวกซื้อ (CVS) +3.5% YoY Makro+3.0% YoY และ Lotus?s+5.0% YoY 2)รายได้จากการเปิดสาขาใหม่ของ CVS ราว147 แห่ง ด้านอัตรากำไรขั้นต้นคาดอยู่ที่ 21.4% ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 4/65 ที่ 21.6% จากสัดส่วนยอดขาย CPAXT เพิ่มสูงขึ้น

ส่วน SG&A/sales คาดอยู่ที่ 20% ลดลงจากไตรมาส 4/65 ที่ 20.3% เนื่องจาก CVS ไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษโบนัสพนักงาน และ Lotus?s ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้นบวกกับได้ประโยชน์จากต้นทุนค่าไฟที่ลดลง ขณะที่ด้านดอกเบี้ยจ่ายลดลงเหลือ 4.0 พันล้านบาท (+0.5% QoQ และ -15.5% YoY)จากการปรับโครงสร้างหนี้ของ CPAXT

ผลประกอบการ 67 อยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท(+15.3% YoY) ได้แรงหนุนจาก 1)ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการใช้จ่ายต่อใบเสร็จที่สูงขึ้นรวมถึงการขยายสาขา 2)อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นในธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 3)รับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้นของ CPAXT ตามการฟื้นตัวของธุรกิจและผลจากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงในช่วงครึ่งแรกปี 67 ขณะที่ประเด็นการแข่งขันในธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่รุนแรงขึ้น จากการมีผู้เล่นรายเดิมและรายใหม่เข้ามารุกตลาดเพิ่มขึ้นเช่น CJ, ร้านโดนใจของBJC ทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงเช่นต้องทำการตลาดจัดโปรโมชั่นมากขึ้นซึ่งจะกระทบต่อกำไรของบริษัท

อย่างไรก็ตาม เรามองว่าประเด็นดังกล่าวไม่ได้กระทบต่อการดำเนินงานของร้าน 7-11 อย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากลูกค้าของ7-11 ส่วนใหญ่ 80% เน้นการซื้อสินค้า Ready To Eat & Drink และสินค้าประเภทนี้เป็นจุดแข็งของ 7-11 ยากที่คู่แข่งจะเข้ามาแข่งขันได้ รวมถึงร้านค้าของคู่แข่งจะเน้นเป็นการขายสินค้าอุปโภคมากกว่า

ราคาหุ้น CPALL นับตั้งแต่เดือน ต.ค.66 ติดลบ 9.5% Underperform SET Index ติดลบ 4.4% และกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลง ติดลบ 7.1% ส่วนหนึ่งถูกกดดันจากความกังวลผลการดำเนินงานของ CPAXT ฟื้นตัวช้า แต่เราคาดผลประกอบการของ CPAXT ไตรมาส 4/66 ฟื้นตัวแข็งแกร่งบวกกับผลการดำเนินงานของธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่เติบโตต่อเนื่อง ทำให้กำไรไตรมาส 4/66 ของ CPALL คาดโตเด่นทั้ง QoQ และYoY และในแง่ Valuation ไม่แพง ซื้อขายบน PER ปี 67ที่ 25 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง5 ปีที่ -2S.D. คงคำแนะนำ "ซื้อ"ที่ราคาเหมาะสม 74.00 บาท

*อัพเป้าปี 67

บล.บัวหลวง ระบุว่า ธุรกิจร้านสะดวกซื้อจะหนุนให้งบของ CPALL ในไตรมาส 4/66 แข็งแกร่ง คาดกำไรหลักไตรมาส 4/66 ที่ 4,756 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 64% YoY และ 12% QoQ บนสมมติฐานการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมอยู่ที่ 3% เราคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 218,505 ล้านบาทในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 7% ทั้งYoY และ QoQ หากไม่รวมการดำเนินงานของ makro และ Lotus?s

ธุรกิจ 7-Eleven เพียงอย่างเดียวน่าจะเห็นถึงการเติบโตของรายได้และกำไร YoY และ QoQ จากจำนวนลูกค้าที่มากขึ้นและปัจจัยทางฤดูกาล เราคาดจำนวนลูกค้าเฉลี่ยของ 7-Eleven จะมากกว่า 960 ราย/ร้าน/วัน (959 รายในไตรมาส 3/66 และ 926 รายในไตรมาส 4/65) สมมติฐานการใช้จ่ายต่อบิลเฉลี่ยของเราคือ 82 บาท (ทรงตัว YoY และ QoQ) เมื่อรวมประมาณการกำไรไตรมาส 4/66 เข้ากับตัวเลข 9 เดือนแรกของปี 66 และคาดการณ์ของ CPAXT ประมาณการกำไรหลักรวมปี 66 ของเราอยู่ที่ 17,701 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 33% YoY หนุนจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของ 7-Eleven

การเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนยอดขายของสินค้าและต้นทุนที่ลดลง น่าจะหนุน EBIT margin ของ 7-Eleven เราคาดว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นของสินค้าพร้อมรับประทาน (RTE) และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการดูแลตัวเอง ซึ่งมีราคาสูงกว่า (เป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักท่องเที่ยว) และยอดขายบุหรี่ที่ลดลงจะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้น YoY ของ 7-Eleven นอกจากนี้ ค่าไฟต่อหน่วยที่ลดลง YoY อาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวขึ้นช้ากว่ารายได้ในไตรมาส 4/66 โดยรวม เราคาด EBIT margin ที่ 4.9% เพิ่มขึ้นYoY และ QoQ

แนวโน้มกำไรปี 67 ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าเราจะมีมุมมองที่ระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้จ่ายในกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ต่าถึงปานกลาง แต่เราเชื่อว่าการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมและการเติบโตของกำไรในปี 67 ของ CPALL มีความโดดเด่นในกลุ่มค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค เราคาดการเติบโตของรายได้รวมปี 67 อยู่ที่ 5% และการเติบโตของกำไรหลักอยู่ที่ 20% หนุนจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลงสำหรับ CPAXT การฟื้นตัวของ Lotus?s การเติบโตของยอดขาย 7-Eleven ที่แข็งแกร่ง (เรามองว่ากการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมของ 7-Eleven อยู่ที่ 3%และมีสาขาใหม่เพิ่มขึ้น) และต้นทุนที่ลดลง (ต้นทุนค่าไฟต่อหน่วยลดลง YoY และแม้ต้นทุนค่าแรงจะเพิ่มขึ้นแต่จะสามารถจัดการได้)ความเสี่ยง/ผลตอบแทนที่น่าสนใจ

หลังจากปรับขึ้นประมาณการกำไรของเรา ราคาเป้าหมาย CPALL ณ สิ้นปี 67 อิงจากวิธีคิดลดกระแสเงินสดของเราเพิ่มขึ้นจาก 66 บาทไปเป็น 68 บาท ปัจจุบันหุ้นซื้อขายบน PER ปี 67 ที่ 23.1 เท่า ซึ่งต่ากว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 31.2 เท่า นอกจากนี้สัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติในปัจจุบันอยู่ที่เพียง 39% (ระดับต่าสุดในรอบ 7 ปี)ดังนั้นเราจึงเห็นความเสี่ยงต่อราคาหุ้นจากการไหลออกของเงินทุนต่างชาติที่จำกัด

https://youtu.be/VuHjU9dGtBQ


แท็ก ซีพี ออลล์   (CPALL)   7-11   JC  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ