KKP จัดพอร์ตปีมังกรแบ่งทยอยซื้อตราสารหนี้-หุ้นเอเชียเหนือ จับจังหวะย่อเก็งหุ้นไทยรอสัญญาณฟื้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 22, 2024 18:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายทวีศักดิ์ เผ่าพัลลภ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน บล.เกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า ภาพรวมตลาดการเงินปัจจุบันมีความผันผวนจากปัจจัยความไม่แน่นอนที่เข้ามากระทบต่อการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ แต่ในปีนี้มองว่าเป็นโอกาสที่จะแนะนำให้นักลงทุนเริ่มทยอยนำเงินสดที่ถือครองไว้ทยอยออกมาลงทุน โดยเฉพาะตราสารหนี้ทั่วโลก เป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจมากที่สุดในปี 67 หลังจากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นสูง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) สูงขึ้นเช่นกัน แม้ว่าปัจจุบัน Bind Yield จะย่อตัวลงมาบ้าง แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงในรอบ 10 ปี ซึ่งยังมีโอกาสย่อตัวลงมาได้อีกหากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มลดดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกในระดับที่ดี

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปี 67 จะเป็นปีที่ตลาดมองว่าจะเริ่มเห็นการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางในประเทศหลักๆในโลก แต่มองว่าการปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้จะเป็นการค่อยๆ ปรับลดลง ไม่ได้ลงอย่างรวดเร็ว และจะไม่ลงไปแรงถึงขั้นแตะ 0% เหมือนในอดีต เนื่องจากภาพรวมของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศหลักๆ ยังไม่มีสัญญาณถดถอย (Recession) ทำให้ Bond Yield จะไม่ได้ลงมาต่ำมาก และส่งผลมาถึงผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนตราสารหนี้ที่อาจจะไม่ได้สูงมากนัก ทำให้ยังต้องมีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์อื่นประกอบด้วย

พร้อมมองว่าเป็นโอกาสที่จะเริ่มเข้าไปลงทุนในหุ้นมากขึ้นในปี 67 โดยเฉพาะหุ้นต่างประเทศ เอเชียโซนเหนือ จะได้รับประโยชน์จากการเข้าสู่รอบวงจรการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม Semiconductor ที่เริ่มการสั่งผลิตกลับมามากขึ้น จะเห็นได้จากผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่เติบโตขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Semiconductor ที่อยู่ในตลาดหุ้นเกาหลีใต้และไต้หวัน

ขณะที่ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนไปที่ประเทศเกิดใหม่อื่นๆ นอกจากตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชียใต้ เช่น อินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต ทำให้มีการลงทุนใหม่ๆ เกิดขึ้นมากระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงประชากรที่มีจำนวนมาก และส่วนใหญ่เป็นวัยหนุ่มสาว ทำให้มีการเติบโตของการบริโภคในประเทศที่ยังสูง

ส่วนตลาดหุ้นไทยมองว่ายังมีความน่าสนใจ แต่ให้น้ำหนักเป็น Technical Overweight เนื่องจากยังมีโอกาสผันผวน และดัชนียังไม่สามารถขึ้นไปทะลุ 1,400 จุดได้ แต่ถือว่าเป็นระดับที่สามารถเข้าไปเก็งกำไรได้ ประกอบกับ ตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยหนุนจากเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ทำให้ยังคงต้องรอสัญญาณกลับมาก่อน ซึ่งนักลงทุนสามารถจับจังหวะการเข้าซื้อเก็งกำไรเมื่อดัชนีย่อตัวลงมา แนะนำให้มองหาหุ้นที่งบดุลและมีฐานะการเงินที่ดี มีหนี้สินน้อย ซึ่งจะเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงไม่สูงมาก

ขณะที่สินทรัพย์ทางเลือกมองว่า Global REITs ยังมีความน่าสนใจ หลังจากที่หากทิศทางของอัตราดอกเบี้ยเริ่มปรับลดลง ทำให้ราคาสินทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์ต่างๆปรับเพิ่มขึ้น และราคาค่าเช่าที่ค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ Global Reits จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น รวมถึงทองคำเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ทางเลือกที่สามารถทยอยสะสมได้ ซึ่งในภาวะที่มีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ และหากอัตราดอกเบี้ยลดลง ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจะเป็นปีจจัยหนุนต่อราคาทองคำเช่นเดียวกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ