นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) กล่าวว่า บริษัทวางเป้าหมายรายได้ปี 67 กลับมาเติบโต 15% แตะ 150,000 ล้านบาท จากปี 66 รายได้หดตัวเหลือ 129,398 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นไปตามดีมานด์บรรจุภัณฑ์ที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 4/66 โดยช่วง 3 สัปดาห์แรกของไตรมาส 1/67 ดีมานด์เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับยังมีปัจจัยหนุนจากช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งถือเป็นฤดูกาลขายที่สำคัญ รวมถึงเงินเฟ้อชะลอตัวลงน่าจะช่วยให้บริษัทขนาดกลาง-เล็ก (SME) มีกำลังในการใช้จ่ายมากขึ้น และน่าจะส่งผลดีต่อดีมานด์บรรจุภัณฑ์เข้ามาเพิ่มขึ้นด้วย อีกทั้งยังคาดหวังยอดนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาหนุนดีมานด์เพิ่มเติมด้วย
"ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัว โดยเฉพาะภูมิภาคอาเซียน ทั้งไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย รวมถึงจีน โดยมีปัจจัยบวกจากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวและการส่งออกที่คาดว่าจะฟื้นตัว อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีแนวโน้มลดลงจะส่งผลดีต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ในขณะที่ราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลมีแนวโน้มทรงตัวจนถึงเพิ่มขึ้น" นายวิชาญ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังติดตามปัจจัยเสี่ยงของปีนี้ คือ ผลกระทบจากค่าระวางเรือที่อาจสูงขึ้น จากสถานการณ์ทะเลแดงที่ยังมีความตึงเครียดและมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องด้วยบริษัทมีการส่งสินค้าไปยังยุโรปด้วย แต่เบื้องต้นยังกระทบไม่มากนัก โดย SCGP จะมุ่งเน้นไปที่ตลาดในอาเซียนที่มีโอกาสเติบโตสูงเป็นหลัก
บริษัทวางงบลงทุนรวมปีนี้ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งจะใช้รองรับการทำ M&P ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณาการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ผ่านกลยุทธ์การขยายในธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูง อย่างเช่น ธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ บรรจุภัณฑ์อาหาร และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ Bio-Solutions ที่เป็นเมกะเทรนด์ การพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำธุรกิจ และการบริหารจัดการต้นทุน ควบคู่ไปกับการยกระดับการทำงานสู่ความเป็นเลิศ (Operational Excellence) ผ่านการใช้เทคโนโลยี รวมถึงการขับเคลื่อน ESG เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือก พร้อมทั้งดำเนินงานเพื่อก้าวสู่เป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 93
สำหรับแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสด และมีแผนที่จะออกหุ้นกู้ เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปีนี้
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนในประเทศเวียดนาม (Packaging paper, เวียดนามเหนือ) โดยโครงการขยายการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ ในตอนเหนือของประเทศเวียดนามภายใต้บริษัท Vina Kraft Paper Co., Ltd. (VKPC) เพื่อรองรับความต้องการของ ภาคอุตสาหกรรมในประเทศ ภาคการส่งออก โครงการนี้มีกำลังการผลิตส่วนเพิ่ม 370,000 ตันต่อปี คิดเป็น 75% ของกำลังการผลิตทั้งหมดในประเทศเวียดนาม โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 11,793 ล้านบาท
ปัจจุบันการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการเตรียมที่ดินและพื้นที่ปฏิบัติงาน อย่างไรก็ตามการลงทุนในโครงการนี้อยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ตลาดในภูมิภาค โดยจะตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุนต่อในโครงการนี้ภายในปี 67