บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) คาดการณ์รายจ่ายลงทุนสำหรับปี 67 อยู่ที่ประมาณ 40,000 ล้านบาท โดยเน้นการลงทุนในเรือง Green จากปี 66 ที่มีรายจ่ายลงทุนและเงินลงทุน 38,555 ล้านบาท โดยสัดส่วนการลงทุนเป็นของธุรกิจเคมิคอลส์ 48% ธุรกิจแพคเกจจิ้ง 22% ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง 19% และส่วนงานอืน 11% โดยรายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนส่วนใหญ่ใช้สำหรับโครงการปิโตรเคมีครบวงจรของ LSP ในปี 66 บริษัทมี EBITDA เท่ากับ 54,143 ล้านบาท ในขณะทีมีกระแสเงินสดจ่ายทั้งสิ้น 65,042 ล้านบาท ประกอบด้วย รายจ่ายลงทุนและเงินลงทุน 38,555 ล้านบาท จ่ายเงินปันผล 8,089 ล้านบาท จ่ายดอกเบีย 13,306 ล้านบาท และจ่ายภาษีเงินได้ 5,092 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมธุรกิจไตรมาส 4/66 SCC มีรายได้จากการขาย 120,618 ล้านบาท ลดลง 4% จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักจากปริมาณขายลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์และธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในขณะเดียวกัน EBITDA ลดลง 2% จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 10,924 ล้านบาท แม้ไตรมาสนี้จะเป็นช่วงที่มีเงินปันผลรับ ทั้งนี้ มีขาดทุนสำหรับงวดเท่ากับ 1,134 ล้านบาท โดยรวมผลประกอบการของโรงงานปิโตรเคมี LSP ซึ่งส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ และรวมรายการขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของโรงงานซีเมนต์ในเมียนมา (รายการทีไม่ใช่เงินสด)
ทั้งนี้ กำไรที่ไม่รวมรายการพิเศษ (Profit excluding extra items) 502 ล้านบาท ลดลง 2,517 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน SCC มีรายได้จากการขายลดลง 1% จากการไม่รวมยอดขายของ SCG Logistics (ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง) อย่างไรก็ตาม EBITDA เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนของทุกกลุ่มธุรกิจ ขณะที่กำไรสำหรับงวดลดลง 1,291 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของโรงงานซีเมนต์และต้นทุนคงที่ของ LSP
ส่วนผลการดำเนินงานทั้งปี 66 SCC มีรายได้จากการขาย 499,646 ล้านบาท ลดลง 12% จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลง และการไม่รวมยอดขายของ SCG Logistics ในขณะเดียวกัน EBITDA ลดลง 13% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 54,143 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กำไรสำหรับปีเพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 25,915 ล้านบาท สาเหตุหลักจากกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งมีมูลค่ารวม 14,822 ล้านบาท