(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าบวกได้จำกัดตามภูมิภาค รอติดตามตัวเลข GDP-เงินเฟ้อสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 25, 2024 09:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดปรับตัวขึ้นต่อ แต่ไม่ร้อนแรง เหมือนวานนี้ เป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุน กลับมารอดูการเปิดเผยตัวเลข GDP สหรัฐ ในคืนวันนี้ และตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ขณะที่ในประเทศรอดูการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล หลังจากตัวเลข GDP ของไทยออกมาต่ำคาด

แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าตลาดหุ้นจะได้ปัจจัยหนุนจากจีนจะปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์(RRR) ในช่วงต้นเดือนก.พ.เพื่อ เสริมสภาพคล่อง ก็จะทำให้ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงฟื้นตัว ประกอบกับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเน็ตฟลิกซ์ และเอเอสเอ็มแอล (ASML) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ ก็จะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์บ้านเราด้วย

ให้แนวรับไว้ที่ 1,375 จุด และแนวต้าน 1,387 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (24 ม.ค.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,806.39 จุด ลดลง 99.06 จุด หรือ -0.26%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,868.55 จุด เพิ่มขึ้น 3.95 จุด หรือ +0.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,481.92 จุด เพิ่มขึ้น 55.97 จุด หรือ +0.36%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 15,989.94 จุด เพิ่มขึ้น 90.07 จุด หรือ +0.57% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,823.83 จุด เพิ่มขึ้น 3.06 จุด หรือ +0.11% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 36,213.14 จุด ลดลง 13.34 จุด หรือ -0.04%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 ม.ค.) ที่ 1,381.19 จุด เพิ่มขึ้น 24.65 จุด (+1.82%) มูลค่าการซื้อขาย 53,763.46 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 545.70 ล้านบาท (24 ม.ค.)
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.(24 ม.ค.)เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 75.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 ม.ค.) อยู่ที่ 7.88 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.77 อ่อนค่า ให้กรอบวันนี้ 35.60-35.90 จับตาผลประชุม ECB
  • สศค.หั่นเศรษฐกิจไทยปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวที่ 1.8% ต่อปี ปี 2567 ขยายตัวที่ 2.8% ต่อปี ระบุ ศก.ไทยยังไม่วิกฤต เหตุต้องติดลบ 2 ไตรมาสติด จับตาหนี้ภาคครัวเรือน ค้างกว่า 16.2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 90.9% ของ GDP ระบุท่องเที่ยวปีนี้คึกขยายตัวที่ 19.5% ต่อปี ต่างชาติเที่ยวไทยแตะ 33.5 ล้านคน ยัน สศค.มีความเป็นอิสระ ไม่เกี่ยวกับการเมือง
  • "แบงก์กสิกร" มองแนวโน้มหุ้นไทย ครึ่งปีแรก "ฟันด์โฟลว์" ยังไหลออก เหตุสารพัดปัจจัยลบรุมเร้า ทั้งความไม่ชัดเจนเฟดลดดอกเบี้ย-ผิดหวัง เศรษฐกิจจีน-เสี่ยงศก.ไทยถดถอย-กำไรบจ.จ่อลด หวังเฟดลดดอกเบี้ย ช่วงปลายไตรมาส 2 หนุนสภาพคล่องธุรกิจฟื้น เรียกความเชื่อมั่นคืน
  • "เศรษฐา" เผยเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลัง '"จีดีพี" โตต่ำ ชี้มาตรการไม่รวม ในดิจิทัลวอลเล็ต ยันไม่แทรกแซงทำตัวเลขจีดีพี ด้าน สศค. ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 66 อยู่ที่ 1.8% จากภาคการผลิตอุตสาหกรรมหดตัวต่อเนื่อง 14 เดือน ระบุเศรษฐกิจไทยขยายตัวลดลงต่อเนื่องแต่ยังไม่วิกฤติ
  • "สุริยะ" เดินหน้าแลนด์บริดจ์ มั่นใจเกิดแน่ภายในรัฐบาลนี้ ฟุ้งนักลงทุน "ดูไบ-อินเดีย" สนใจ ลุยโรดโชว์ต่อจีน สั่ง สนข.ศึกษาเล็งตั้งกองทุนแลนด์บริดจ์ชดเชยประชาชนที่ไม่มีเอกสารสิทธิ แต่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืน
  • ก.ล.ต. นำทีมประชุมเครียดกรมสอบสวนคดีพิเศษ เร่งเอาผิดผู้ต้องหาสตาร์คเพิ่ม หลังอัยการสั่งสอบเพิ่ม ล่าสุดกลุ่มผู้เสียหายหุ้นกู้ STARK เข้าพบอัยการ ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ตั้งข้อสงสัยกรมสอบสวนคดีพิเศษทำสำนวนอ่อน หลัง "ชินวัฒน์" ไม่มีสำนวนฟ้อง ขณะที่ผู้บริหารสตาร์ค ทั้ง "ชนินทร์-วนรัชต์-กิตติศักดิ์ และยสบวร" โอกาสรอดสูง แม้มีหลักฐานมัด เตรียมบุกพบ DSI ไขข้อข้องใจเร็วๆ นี้ ลุ้น 26 ม.ค. ดีเอสไอ ส่งสำนวนเพิ่มหลังอัยการตีกลับ

*หุ้นเด่นวันนี้

  • ITEL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 4 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/66 โต 15% q-q เป็น 79 ลบ. เป็นไตรมาสสูงสุดของปี และจบปี 2566 ด้วยกำไรปกติ 269 ลบ. +2% y-y เป็นปีแห่งความท้าทายแต่ผ่านไปแล้ว ล่าสุด ITEL ซื้อกิจการ GLS 100% ในราคา 40 ลบ. อาจมีกำไรทางบัญชีเข้ามาในไตรมาส 1/67 การซื้อ GLS ช่วยต่อยอดไปสู่ Health tech ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต GLS เป็นผู้ให้บริการทางการแพทย์ เชี่ยวชาญด้าน CT scan / MRI scan ปัจจุบันมีลูกค้าเป็นโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน สินค้าเป็นสินค้าจำเป็นและอยู่ในตลาดที่โตสูง เราคาดกำไรปี 2024 กลับมาโต +20% y-y ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ PE เพียง 10.7 เท่า
  • CPALL (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 70.00 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 ปรับขึ้นทั้ง q-q และ y-y จากการเข้าสู่ช่วง High Season ผสานการฟื้นของภาคท่องเที่ยว และการเฉลิมฉลอง อีกทั้งค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อรายได้ปรับลดลง SSSG ของร้าน 7-Eleven และกลุ่ม MAKRO ปรับตัวขึ้นดี ขณะที่ Valuation ซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PE ในอดีตค่อนข้างมาก
  • KTB (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 17.50 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลดลงถึง 10% หลังงบออกมาผิดคาด แต่ก็เริ่มเห็นแรงซื้อกลับเข้ามาในช่วง 2 วันที่ผ่านมา จึงมองว่า แรงขายน่าจะซาลง และราคาน่าจะค่อยๆกระเตื้อง เรามองเป็นการเล่นสั้นๆ มากกว่าซื้อเก็บ
เหตุที่ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลง เกิดหลัง รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 6 พันล้านบาท (-25% YoY และ -41% QoQ) ต่ำกว่าที่เราคาด -35% จากสำรองฯมากกว่าคาดมากอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท (คาด 8.4 พันล้านบาท) จากการตั้งสำรองลูกค้ารายใหญ่ และมีค่าใช้จ่ายอื่นๆมากกว่าคาด

ถ้ามองว่า การตั้งสำรอง คือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว อีกทั้งเป็นงวด 4Q ที่มักจะมีการนำค่าใช้จ่ายบางรายการมาบักทึกในไตรมาสนี้ (เหมือนกันทุกธนาคาร) จึงไม่ใช่เรื่องที่ลบมากๆ จะต้องเทขายหุ้น และเรื่องแบบนี้เคยเกิดเมื่องวดไตรมาส 4 ปี 65 ที่ราคาหุ้น (ธนาคารหลายๆแห่ง) ดีดตัวกลับ หลังงบออกมาไม่ดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ