นายเกริก ลีเกษม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามอีสต์ โซลูชั่น (SE) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจปี 67 บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นยกระดับงานบริการ (Solutions Excellence) ตอบสนองความต้องการแก่ลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม โดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 25%
บริษัทฯ วางแผนการดำเนินงานในส่วนของธุรกิจหลัก ได้แก่ จัดหาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและบริการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นตรวจสอบคุณภาพปั๊ม (Pump Audits) รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ในภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโต อาทิ การผลิตรถยนต์(EV), บรรจุภัณฑ์, อิเล็กทรอนิกส์, สาธารณูปโภค อีกทั้งลูกค้าเดิมที่ต้องปรับปรุงระบบการผลิตเพื่อขานรับนโยบาย ESG โดยบริษัทตั้งเป้าเพิ่มปริมาณการขายต่อลูกค้า 23% และเพิ่มปริมาณการขายต่อสินค้าที่จำหน่าย 18% และตั้งเป้าการเติบโตของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ 200% จากปีก่อน
บริษัทฯ ยังวางแผนจับมือพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อต่อยอดการเติบโต ทั้งการร่วมทุน Joint Venture (JV) ในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ โดยความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐ รวมถึงการควบรวมและซื้อกิจการ Merger and Acquisition (M&A) ในธุรกิจพลังงานสะอาด สอดคล้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าการจับมือกับพันธมิตรจะช่วยให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเสริมความแข็งแกร่งบริษัท งบการลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท
อีกทั้ง บริษัทเตรียมแผนเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในกระบวนการขาย การบริหารจัดการสินค้าคงคลัง การบริหารจัดการต้นทุน ตัวอย่างเช่น แดชบอร์ด POWER BI, แดชบอร์ดการประหยัดพลังงาน และ Chat GPT เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทวางแผนพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจเท่าทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายระยะยาว
ปัจจุบัน SE มีบริษัทร่วมทุนและบริษัทในเครือ 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท โอเคเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด วางแผนลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจสิ่งแวดล้อม พลังงานสะอาด พลังงานทดแทน บริษัท เคสเซล (ประเทศไทย) จำกัด วางแผนขยายตลาดการจัดจำหน่าย และให้บริการติดตั้ง ท่อ วาล์ว หรือ อุปกรณ์อื่นๆ ที่มีคุณสมบัติพิเศษและเป็นตัวแทนจำหน่ายรายเดียวในประเทศไทย และบริษัท ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ UBA ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเติบโตขึ้นจากการประมูลงานเพิ่มของทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน ส่งผลให้ SE สามารถรับรู้ราย รวมถึงมีโอกาสในการขายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นเช่นกัน
สำหรับภาพรวมภาคอุตสาหกรรมในปีนี้แนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับประเทศไทยได้ประกาศเป้าหมายการเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และมีแนวโน้มที่จะออกข้อกฎหมายบังคับใช้ทุกภาคอุตสาหกรรมในอนาคต ส่งผลให้โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เริ่มทยอยลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อขานรับนโยบาย ทั้งการซ่อมบำรุง การเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการบริหารจัดการระบบน้ำ การควบคุมอุณหภูมิ เพื่อลดคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งส่งผลต่อเนื่องให้เกิดการลดต้นทุนการผลิต และบำรุงรักษาเชิงป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพสูง เพิ่มความสามารถการแข่งขัน และเพิ่มโอกาสทำกำไรได้สูงขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจึงถือเป็นโอกาสในการเติบโตของบริษัททั้งสิ้น