ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงซื้อหุ้นพลังงาน พยุงดาวโจนส์ปิดบวก 51.29 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 7, 2008 06:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 พ.ค.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันทะยานขึ้นทะลุระดับ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและผลประกอบการในภาคเอกชน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 51.29 จุด หรือ 0.40% แตะระดับ 13,020.83 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 10.77 จุด หรือ 0.77% แตะระดับ 1,418.26 จุด และ ดัชนี Nasdaq ปิดเพิ่มขึ้น 19.19 จุด หรือ 0.78% แตะระดับ 2,483.31 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.23 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.21 พันล้านหุ้น
หุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 123 ดอลลาร์/บาร์เรลในระหว่างวัน ภายหลังจากนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบอาจพุ่งแตะระดับ 150-200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากอุปทานน้ำมันที่ไม่สามารถขยายตัวได้ทันกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า จีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเร็วที่สุดในโลก มีการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์กร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบทศวรรษที่ 16.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันที่ 19 พ.ย.2544 ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันสำรองโลกถูกใช้ไปเกือบหมด ในขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อย่างไนจีเรีย อิรัก และเวเนซูเอล่า ก็ผลิตน้ำมันได้น้อยลง
อย่างไรก็ตาม การที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็วทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจกำลังเผชิญภาวะ Stagflation (ภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงแต่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น)
ตลาดได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า บริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ป อาจเริ่มการเจรจาครั้งใหม่เพื่อ เทคโอเวอร์บริษัทยาฮู อิงค์ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นยาฮูพุ่งขึ้น 5.5% และหุ้นไมโครซอฟท์ดีดขึ้น 2.1%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากผู้บริหารของบริษัทแฟนนี เม ที่แสดงความเห็นว่า ภาวะเลวร้ายที่สุดของตลาดสินเชื่อที่เกิดจากการชะลอตัวของตลาดที่อสังหาริมทรัพย์นั้น อาจผ่านพ้นไปแล้ว ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับตลาดสินเชื่อ และช่วยหุนหุ้นแฟนนี เม พุ่งขึ้นเกือบ 9% และหุ้นเฟรดดี แมค พุ่งขึ้น 7.1%
แฟนนี เม และเฟรดดี แมค เป็นหน่วยงานซึ่งรัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน (GSE) และมีหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดยแฟนนี เม เป็นบริษัทสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งชาติของรัฐบาลกลางสหรัฐ ขณะที่เฟรดดี แมค ถูกจัดตั้งขึ้นโดยสภาคองเกรส และมีหน้าที่เพิ่มสภาพคล่องให้แก่สถาบันการเงิน ซึ่งปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อบ้านและนักลงทุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ