นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ธีระมงคล อุตสาหกรรม (TMI) เปิดเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 67 ว่าสามารถทำผลงานเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทมุ่งมั่นเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางศักยภาพและผลการดำเนินงานในระยะยาว
บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% จาก 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ส่องสว่าง ที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่นอย่างมีนัยสำคัญตามปัจจัยบวกอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจประเทศ รวมถึงการเข้ายื่นประมูลงานจากโครงการภาครัฐและภาคเอกชน และ 2.ธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ 3 แห่ง รวมกำลังการผลิต 5.4 เมกะวัตต์ โดยเฉพาะการรับรู้รายได้เต็มปีเป็นครั้งแรก จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าชีวภาพจังหวัดสุพรรณบุรี
รวมถึงการลงทุนในธุรกิจขายคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) ที่ปัจจุบันทั่วโลกมีอัตราการเติบโตและขยายตัวสูงขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยการซื้อขายคาร์บอนเครดิตยังมีปริมาณน้อย เมื่อเทียบกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมของประเทศ นับเป็น New S-curve ธุรกิจพลังงานสีเขียว หนึ่งในเมกะเทรนด์ที่จะมาเปลี่ยนโฉมโลกธุรกิจ ช่วยเพิ่มโอกาสการลงทุนและการแข่งขัน สนับสนุนให้เกิดความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว
สำหรับความคืบหน้าการขายคาร์บอนเครดิต โรงไฟฟ้าชีวภาพแห่งที่ 3 จังหวัดสุพรรณบุรี ขนาดกำลังผลิต 3 เมกะวัตต์ ที่สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Environmental Research Institute Chulalongkorn University) ได้ประเมินผลตามมาตรฐาน Gold Standard และคำนวณการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อยู่ที่ 91,000 ตันต่อปี ล่าสุด เตรียมได้ข้อสรุปการเสนอขายคาร์บอนเครดิตในเร็วๆ นี้
สำหรับภาพรวมการเติบโตของผลการดำเนินงานปี 66 ยังสามารถเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างรายได้ที่มีศักยภาพการเติบโตต่อเนื่อง
"ปี 67 บริษัทวางกลยุทธ์มุ่งขยายธุรกิจหลัก ควบคู่กับการเดินหน้าลงทุนธุรกิจคาร์บอนเครดิต ที่มีแนวโน้มการเติบโตและขยายตัวสูงมาก และการมองหาโอกาสใหม่ๆ ในหลายรูปแบบ เพื่อต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจและการดำเนินงานอย่างยั่งยืน อันเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนผลการดำเนินงานในอนาคตเติบโตอย่างก้าวกระโดด" นายธีระชัย กล่าว