บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด อายุหุ้นกู้ตั้งแต่ 1 ปี 10 เดือน ถึง 10 ปี ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ วัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้ในการชำระคืนหนี้ที่ครบกำหนดในปี 67 คาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 22-23 และ 27 กุมภาพันธ์ 2567 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
หุ้นกู้ทั้ง 4 ชุด มีรายละเอียดดังนี้
หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 10 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [2.96-3.10]% ต่อปี
หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.50-3.65]% ต่อปี
หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.70-3.90]% ต่อปี
หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.03-4.20]% ต่อปี
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนบริษัทจะแจ้งทราบอีกครั้ง
บริษัทจะเปิดขายหุ้นกู้ผ่าน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย รวมถึงบล.กสิกรไทย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) บล.เอเซีย พลัส และ แอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet
หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ "A+" และอันดับความน่าเชื่อถือองค์กรที่ "A+" แนวโน้ม Negative จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 สะท้อนถึงสถานะความเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมระดับโลกของบริษัทฯ ตลอดจนการมีฐานการผลิตที่กระจายตัวอยู่ในประเทศต่างๆ รวมถึงการมีสินค้าและตลาดที่หลากหลาย
สถาบันการเงินผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ให้ความเห็นว่า หุ้นกู้ CPF ที่จะเสนอขายในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ และคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยกิจการที่มีความมั่นคง มีความน่าเชื่อถือและต้องการลงทุนในบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับประเทศที่มีการลงทุนทั้งในและต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีส่วนช่วยให้ธุรกิจของบริษัทมีการกระจายความเสี่ยงเป็นอย่างดี โดยความน่าสนใจนั้น นอกจากจะได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ "A+" จากทริสเรทติ้ง แล้ว บริษัทฯ ยังมีเป้าหมายในการเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้วิสัยทัศน์ที่จะมุ่งสู่การเป็น ?ครัวของโลก? อย่างแข็งแกร่ง ด้วยศักยภาพของบริษัทฯ ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมอาหารในระดับสากล
CPF เป็นผู้ผลิตด้านเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร มีฐานการผลิตใน 17 ประเทศทั่วโลก และเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และอาหารไปกว่า 40 ประเทศ ครอบคลุม 5 ทวีปทั่วโลก โดยจำแนกประเภทธุรกิจหลักของบริษัทฯ ได้เป็น 3 ประเภท คือ 1. ธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed) 2. ธุรกิจเลี้ยงสัตว์และแปรรูป (Farm and Processing) และ 3. ธุรกิจอาหาร (Food)
ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การเป็น "ครัวของโลก" ซีพีเอฟจึงได้ขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ที่ทันสมัย สนับสนุนการผลิตและการแปรรูปเนื้อสัตว์อย่างมีคุณภาพ ขยายการผลิตอาหารพร้อมรับประทานเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ
รวมไปถึงการคิดค้นนวัตกรรมด้านเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้มาซึ่งระบบการผลิตที่ปลอดภัย มีสินค้าที่สามารถตอบสนองความพึงพอใจและพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้ เช่น หมูชีวา ซึ่งเป็นหมูที่มีไขมันดีและมีโอเมก้า 3 สูง ไก่เบญจา ซึ่งเป็นไก่ที่เลี้ยงด้วยข้าวกล้องคัดพิเศษเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการดูแลสุขภาพ และผลิตภัณฑ์ไข่แปรรูปในรูปแบบต่างๆ ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องของสารอาหาร รสชาติและความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภค และยังให้ความสำคัญในการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม และสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างเหมาะสมด้วยความใส่ใจในผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน
ในขณะเดียวกัน CPF ยังได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนระดับโลกเช่น FTSE4Good MSCIESG และ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่ามาตรฐานการพัฒนาด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ เทียบเท่ามาตรฐานระดับโลกและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
CPF กำหนดเป้าหมายขับเคลื่อนองค์กรมุ่งสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 ซึ่งส่วนหนึ่งของการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวมาจากการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนตลอดกระบวนการผลิตต้นน้ำถึงปลายน้ำ การจัดหาวัตถุดิบทางการเกษตรด้วยความรับผิดชอบจากแหล่งที่ไม่บุกรุกป่าและไม่ตัดไม้ทำลายป่า ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพทั้งในและนอกสถานประกอบการ และมุ่งเน้นการบริโภคอย่างยั่งยืน ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการตอกย้ำการดำเนินงานของบริษัทฯ ด้วยความรับผิดชอบ จากการบริหารจัดการกระบวนการผลิตอาหารปลอดภัยตลอดห่วงโซ่การผลิตและใส่ใจสิ่งแวดล้อม