นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) กล่าวว่า ในปี 67 มีแผนเปิดโครงการใหม่ 8-12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7,000-8,000 ล้านบาท โดยวางเป้ายอดขาย 6,550 ล้านบาทและยอดรับรู้รายได้ที่ 5,250 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) งวด 11 เดือนของปี 66 แล้ว 900 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ ขณะที่วางงบซื้อที่ดินราว 1,500 ล้านบาท
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทได้ออกหุ้นกู้อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.80% ได้รับการตอบรับจากสถาบันเข้าลงทุนเต็มจำนวนที่ 500 ล้านบาท ซึ่งเดือนหน้ามีหุ้นกู้ครบกำหนดชำระมูลค่า 200 ล้านบาท และมีหุ้นกู้อีก 2 ชุดตะครบกำหนดชำระในปีนี้มูลค่ารวม 850 ล้านบาท บริษัทมีความมั่นใจว่าจะชำระหุ้นกู้ได้ครบ และเตรียมจะออกหุ้นกู้เพิ่มเติมอีกด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าตลาด ขณะที่บริษัทมี Project Loan ที่ยังไม่ได้เบิกอีกราว 2,000 ล้านบาท
บริษัทดำเนินแผนงานในปีนี้ภายใต้การบริหารความเสี่ยงด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ราว 6 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรก จากนั้นจะประเมินปัจจัยต่าง ๆ อาทิ ภาพรวมเหตุการณ์ระดับโลก เศรษฐกิจไทย รวมทั้งการเมืองในประเทศที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง
นอกจากนั้น โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้จะมีขนาดเล็กลงจากเดิมขนาด 40-50 ไร่ มาเหลือ 10-20 ไร่ เพื่อใช้เงินลงทุนน้อยลงและสามารถปิดการขายได้เร็วขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงและบริหารสภาพคล่องทางการเงินได้ดีขึ้น รวมทั้งกระจายทำเลในการเปิดโครงการประมาณ 4-5 แห่งเพื่อกระจายความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่
นายไชยยันต์ กล่าวว่า บริษัทเชื่อมั่นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ โดยเฉพาะตลาด Real Demand ยังคงเติบโตได้ โดยบริษัทจะเน้นการดำเนินธุรกิจ และการขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ในตลาดที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ และเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคเป็นอย่างดี
สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 67 ยังคงมีปัจจัยบวก อาทิ อัตราดอกเบี้ยเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย การต่ออายุมาตรการภาครัฐทั้งการลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าธรรมเนียมจำนองสำหรับที่อยู่อาศัยที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทไปถึงสิ้นปี 67 การส่งออกและการท่องเที่ยวที่น่าจะดีขึ้น รวมถึงการเข้ามาลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น จะช่วยให้เกิดการจ้างงาน และเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ
บริษัทมองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 67 น่าจะเติบโตได้ราว 2.5-3.5% แต่ยังเผชิญความไม่แน่นอนสูง ทั้งปัจจัยจากต่างประเทศและในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในหลายประเทศสำคัญทั่วโลก มาตรการกระตุ้นและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ในขณะที่ภายในประเทศ ภาระหนี้สินสาธารณะ ภาระหนี้ครัวเรือนที่ค่อนข้างสูง รวมทั้งความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ และผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งต่อผลผลิตภาคเกษตร ยังความเป็นความท้าทายสำหรับในปี 67 นี้
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ LALIN กล่าวว่า บริษัทยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ให้ความสำคัญกับลูกค้า ยึดหลัก Customer Centric ผ่านกลยุทธ์ทั้ง Lifestyle Marketing และ Experience Marketing เสริมประสิทธิภาพด้วยการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ ทำ Brand collaboration เพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ อีกทั้งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกกลุ่มเป้าหมายด้วย
นอกจากนี้ยังเน้นการทำการตลาดผ่านช่องทาง Digital ในช่องทางใหม่ที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ทั้งยังส่งเสริมให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ด้วยการนำ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์หา Customer Insights บริษัทยังคงมุ่งสู่การเป็นองค์กรพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่บริหารงานภายใต้แนวคิด Agile Principle ด้วยกลยุทธ์ด้านดิจิทัลเป็นเครื่องมือสำคัญ
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มที่เป็น Real Demand โดยให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งในส่วนของ Design Innovation และ Smart & Flexible Function ของตัวบ้าน และยังคงนำรูปแบบความงดงามของสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสที่เรียบหรูมาออกแบบบ้าน French Colonial Style เป็นจุดเด่นสำคัญของบริษัทที่เป็นรายแรกในการนำมาพัฒนาออกแบบบ้านในสไตล์ดังกล่าว บนทำเลศักยภาพ ในราคาที่คุ้มค่า และจับต้องได้เพื่อให้สินค้าและบริการสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อยู่เสมอ