นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีย่อตัวลง ตามทิศทางตลาดภูมิภาค หลังเมื่อคืนนี้มีการรายงานตัวเลขดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.4 ในเดือน ม.ค. จากระดับ 50.5 ในเดือนธ.ค. และสูงกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 52.0 ขยายตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่สูงกว่าคาด ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ลดลงเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.น้อยลง และน้ำหนักที่จะลดในเดือนพ.ค. ลดลงมาที่ประมาณ 50%
ขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งว่า เฟดจะดำเนินการอย่างระมัดระวังในการปรับลดอัตาดอกเบี้ยในปีนี้และมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยช้ากว่าที่ตลาดคาด โดยต้องรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานที่ยังแข็งแกร่ง นอกจากนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) 10 ปี พุ่งขึ้นที่ระดับ 4.1%
ขณะที่เมื่อวานนี้ค่าเงินบาทน่าจะอ่อนค่าที่สุดในภูมิภาค จากตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือนม.ค. ติดลบมากกว่าคาด และติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 สะท้อนว่าเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ค่อยดี ส่งผลกับ Fund Flow ที่น่าจะหยุดการลงทุนชั่วคราว เนื่องจากค่าเงินยังมีความผันผวนสูง โดยตลาดจับตาดูการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่าจะอธิบายเศรษฐกิจปี 66 อย่างไร เนื่องจาก ตัวเลขการคาดการณ์ยังไม่ตรงกันกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่คาดการณ์ไว้ รวมทั้งแนวโน้มปี 67 จะมีโอกาสปรับคาดการณ์เงินเฟ้อลงหรือไม่ และตัวเลขเศรษฐกิจ เพราะว่านโยบาย Digital Wallet มีโอกาสที่จะเห็นน้อยลง
โดยให้กรอบแนวรับที่ 1,375 จุดและแนวต้าน 1,387 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (5 ก.พ.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,380.12 จุด ลดลง 274.30 จุด หรือ -0.71%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,942.81 จุด ลดลง 15.80 จุด หรือ -0.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,597.68 จุด ลดลง 31.28 จุด หรือ -0.20%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 15,541.23 จุด เพิ่มขึ้น 31.22 จุด หรือ +0.20% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,680.48 จุด ลดลง 21.7 จุด หรือ -0.80% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 36,249.08 จุด ลดลง 105.08 จุด หรือ -0.29%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 ก.พ.) ที่ 1,383.93 จุด ลดลง 0.15 จุด (-0.01%) มูลค่าการซื้อขาย 41,218.21 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 150.39 ล้านบาท (5 ก.พ.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.(5 ก.พ.)เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 72.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ก.พ.) อยู่ที่ 9.02 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.76 แนวโน้มอ่อนค่า ให้กรอบ 35.70-35.90 ตลาดรอลุ้นประชุม กนง.พรุ่งนี้
- "เงินเฟ้อ" ม.ค.ติดลบ 1.11% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ต่ำสุดรอบ 35 เดือน "พาณิชย์" ส่งสัญญาณ ก.พ.-เม.ย.ลดต่อเนื่อง จากมาตรการลดค่าครองชีพ คาดทั้งปีติดลบ 0.3% ถึง 1.7% "นักเศรษฐศาสตร์" ชี้สะท้อนเศรษฐกิจอ่อนแอ "ซีไอเอ็มบีไทย" ชี้ยังไม่เข้าสู่เงินฝืด ห่วง disinflation เงินเฟ้อชะลอ ต่อเนื่องจากนำเข้าสินค้าจากจีน "กรุงไทย" ชี้เงินเฟ้อฉุดบาทอ่อนค่านำภูมิภาค เปิดทาง กนง.ลดดอกเบี้ยขึ้น
- นายกฯ เผยรอ ป.ป.ช.ตอบกลับ ปมเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต "ภูมิธรรม" ยัน รัฐบาล ต้องเดินหน้า "ดิจิทัลวอลเล็ต" ให้เร็วที่สุด อ้างแถลงรัฐสภาไว้ รอช้าไม่ได้ ออกตัว หาก ป.ป.ช.ยังไม่มีหนังสือมา ถือว่ารัฐบาลยังไม่ทราบข้อเสนอแนะ โยนนักวิชาการคัดค้าน หากเกิดวิกฤตซ้ำรอยต้มยำกุ้งต้องรับผิดชอบ
- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจการใช้จ่ายช่วงตรุษจีนและวาเลนไทน์ปี 67 ที่สำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 1,300 ตัวอย่างทั่วประเทศ วันที่ 25-31 ม.ค.67 ว่า ตรุษจีนปีนี้มีความคึกคักมากกว่าปีที่ผ่านมา และผลสำรวจพบจะมีมูลค่าการใช้จ่ายของประชาชนอยู่ที่ 49,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1% จากปี 66 มีมูลค่า 45,017 ล้านบาท โดยกลุ่มตัวอย่าง 57.2% จะไหว้เจ้าและบรรพบุรุษ และอีก 42.8% ไม่ไหว้ จากปี 66 ที่ตอบจะไหว้เจ้า 45.0%
- "สมาคมโรงแรม-แอตต้า" ชมมาตรการยกเว้นวีซ่าของรัฐบาลช่วยท่องเที่ยวฟื้นได้ในปีนี้ ไม่ต้องรอถึงปีหน้า คาดอัตราการเข้าพักโรงแรมอยู่ที่ 70% เฉพาะช่วงตรุษจีนขึ้นมา 80% ขณะที่การเที่ยวผ่านกรุ๊ปทัวร์และธุรกิจ MICE กลับมาแล้ว
- ประชุมกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ นัดแรกวันนี้ (6 ก.พ.) วาระสำคัญเลือกประธานบอร์ด โหวต "พิชัย ชุณหวชิร" นั่งประธานฯ พร้อมตั้งประธานอนุกรรมการด้านต่างๆ โดยเฉพาะอนุกรรมการสรรหาผู้จัดการตลาดฯ คนใหม่แทน "ภากร" ที่จะครบวาระเดือน ก.ย. 67 พร้อมจับตาสารพัดปัญหารอแก้ไขที่ "เศรษฐา" นายกฯ กล่าวถึงบ่อยๆ เช่น กรณี STARK MORE ชอร์ตเซล และโรบอทเทรด
*หุ้นเด่นวันนี้
- PLANB (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 10.2 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 ทำสถิติสูงสุดใหม่ ประมาณ 280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%qoq และ18%yoy จาก U rate ที่เพิ่มขึ้น ทั้งปีคาดกำไรสุทธิโต 30% และโตต่อเนื่องอีก 31% ในปีนี้
- ADVANC (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 249 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/66 ที่ 7.23 พันลบ. (เติบโต 11% YoY, -5% QoQ) หนุนจากรายได้ที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง และการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี พร้อมเปิด upsides จากการปรับราคาขึ้นเร็วกว่าคาด
- CPALL (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 75.00 บาท SSSG ของ 7-11 MAKRO และ LOTUS เดือน ม.ค. คาดว่าจะขยายตัวในระดับ Low Single Digit ซึ่งถือว่าดีกว่ากลุ่มค้าปลีกในภาพรวม ขณะที่เดือน ก.พ. ยังได้ประโยชน์ของ Easy E-Receipt และตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฟื้นตัว จะยังช่วย SSSG ยังอยู่ในโมเมนตัมที่ดีต่อ ช่วยหนุนต่อกำไรปี 67 ที่เราคาดขยายตัว 19%YoYขณะที่การรายงานงบไตรมาส 4/66 เราคาดขยายตัวได้ 3%QoQ จากช่วงของฤดูกาลและขยายตัวแรงส์ 45%YoY ตาม SSG ที่ขยายตัว 3.5% การขยายสาขา 700 สาขาในปี 66 และอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้น