บมจ.ไทยนามพลาสติกส์(TNPC) เปิดเผยว่า บริษัท ที.เอ็น.พี. อินดัสทรี (บริษัทย่อย) มีความประสงค์ที่จะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงินอื่น ๆ ตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้เดิมเพื่อให้เหลือเจ้าหนี้สถาบันการเงินเดิมเพียงรายเดียว คือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ("ธนาคาร")
บริษัทฯ และบริษัทย่อยจึงได้ขอแก้ไขสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้เดิมจำนวน 88.60 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนของภาระหนี้เ ฉพาะที่บริษัท ฯ และบริษัทย่อยมีต่อธนาคาร รวมทั้งขอสินเชื่อใหม่จำนวน 673.80 ล้านบาท กับธนาคารเพื่อนำไปชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินเดิมอื่น ๆ และได้รับการอนุมัติจากธนาคาร พร้อมทั้งได้ลงนามร่วมกันเมื่อสิ้นเดือนเมษายน 2551
การขอสินเชื่อใหม่กับธนาคารจำนวนรวม 673.80 ล้านบาท เพื่อการ Refinance หนี้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินเดิมอื่น ๆ แยกเป็นสินเชื่อวงเงินกู้ระยะยาวจำนวน 518.80 ล้านบาท และสินเชื่อวงเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 155.00 ล้านบาท สินเชื่อวงเงินกู้ระยะยาวจำนวน 329.80 ล้านบาท บริษัทฯ จะนำไปชำระหนี้เจ้าหนี้สถาบันการเงินอื่น ๆ ตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้เดิมและเงินกู้ระยะยาวส่วนที่เหลือจำนวน 189.00 ล้านบาท บริษัทฯ จะนำไปให้บริษัทย่อยกู้เพื่อไปใช้ชำระหนี้ของบริษัทย่อยที่มีอยู่กับธนาคารและกับเจ้าหนี้สถาบันการเงินอื่น ๆ ตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้เดิม
วงเงินกู้ระยะยาวข้างต้น บริษัทฯ จะต้องชำระหนี้ให้ธนาคารให้แล้วเสร็จภายในปี 2558 โดยชำระดอกเบี้ยในอัตรา MLR ต่อปี และชำระเงินต้นทุกสิ้น 3 เดือน รวม 26 งวด เริ่มชำระงวดแรกในวันที่ 30 มีนาคม 2552 เป็นต้นไป
อนึ่ง ในการทำ Refinance ภาระหนี้ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยดังกล่าวทำให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยสามารถประกอบธุรกิจได้คล่องตัวขึ้นและไม่ต้องขายทรัพย์สินตามข้อกำหนดในสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้เดิมบริษัท ฯ ยังสามารถใช้โรงงานที่อ้อมน้อยทำธุรกิจสนับสนุนธุรกิจหลักที่เป็นสินค้าหนังเทียมที่ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ได้ต่อไป ในขณะที่บริษัทย่อยไม่ต้องหยุดกิจการและ
ไม่ต้องขายทรัพย์สินทั้งหมดออกไปอีกทั้งยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติโดยขณะนี้ บริษัทย่อยอยู่ระหว่างการผลิตสินค้าใหม่ที่มี มูลค่าเพิ่มสูง ซึ่งน่าจะเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของบริษัทย่อยได้ในอนาคต
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--