นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ถึงการที่บมจ.เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ (SJWD) เข้ามาเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นใน บมจ.เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล (ANI) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ III โดยระบุว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ทั้งสองบริษัทจะสามารถเอื้อประโยชน์กับธุรกิจซึ่งกันและกันได้
โดย ANI มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศ โดยเฉพาะทางอากาศ ขณะที่ SJWD มีความเชี่ยวชาญในการขนส่งในประเทศ โดยเฉพาะการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics) และการที่ SJWD เพิ่มสัดส่วนถือหุ้น ANI เพิ่มจะสามารถต่อยอดใช้ Synergy ร่วมกันได้ โดยหลังจากนี้กลุ่ม III น่าจะมีการคุยรายละเอียดเพิ่มเติมในการทำงานร่วมกัน
"เรารู้จักกันอยู่แล้ว และเคยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่แล้วว่าน่าจะมีโอกาสการทำธุรกิจหลาย ๆ อย่างร่วมกันได้ เป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะมาคุยเพื่อต่อยอดธุรกิจกันต่อไป ส่วนรายละเอียดจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง"นายทิพย์ กล่าว
นายทิพย์ ยังกล่าวถึงภาพรวมธุรกิจในปี 66 ของ III คาดว่ารายได้จะเติบโตมากกว่า 20% จากปี 65 แม้ว่าอุตสาหกรรมโลจิสติกส์จะได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากค่าระวางเรือ แต่บริษัทยังสามารถสร้างการเติบโตได้ทะลุเป้า
ขณะที่ปี 67 เบื้องต้น III ตั้งเป้าการเติบโตราว 15% เนื่องจากมองว่าสภาพเศรษฐกิจต่าง ๆ ยังไม่ได้เอื้ออำนวยมากนัก แต่บริษัทจะเดินหน้าขยายบริการและการลงทุนในหลาย ๆ ส่วน น่าจะมีโอกาสช่วยผลักดันให้มีโอกาสเติบโตเพิ่มมากขึ้นด้วย และคาดหวังว่าการที่ บมจ.บริการภาคพื้นท่าอากาศยานไทย (AOTGA) เข้าไปลงทุนใน บมจ.เอสเอแอล กรุ๊ป (SAL) น่าจะได้อานิงสงส์จากการที่มีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีสินค้านำเข้าและส่งออกมากขึ้นตามไปด้วย
พร้อมกันนั้น บริษัทยังมองโอกาสการขยายธุรกิจโลจิสติกส์ได้ครบวงจร ด้วยการลงทุนควบรวมกิจการ (M&A) และร่วมทุน (JV) อย่างต่อเนื่อง คาดว่าครึ่งปีแรกจะปิดดีลได้ 2 ดีลเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ นอกจากนี้ในไตรมาส 2/67 บริษัทเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ ซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมการเติบโตของบริษัทได้
นายทิพย์ กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในปี 67 ค่าระวางแนวโน้มจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 66 เนื่องจากปัจจัยหลาย ๆ ส่วน อาทิ สงครามตะวันออกกลาง ผลักดันให้ค่าระวางปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ปริมาณการขนส่งมีโอกาสจะเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะการขนส่งทางอากาศที่มีจำนวนเที่ยวบินและซัพพลายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบของบริษัทในปีนี้ประกอบด้วย สภาพเศรษฐกิจชะลอตัว สงครามความขัดแย้งในภูมิภาคต่าง ๆ ค่าระวางหรืออัตราแลกเปลี่ยนที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้