MINT ลงทุน 939.77 ลบ.เข้าซื้อธุรกิจอาหารในต่างประเทศ

          บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ได้บรรลุข้อตกลงในการซื้อหุ้น 70% ใน Thai Express Concepts Pte Ltd. (ไทยเอ็กซ์เพรส) เป็นมูลค่า 40 ล้านเหรียญสิงคโปร์หรือประมาณ 939,776,000 บาท 
          ทั้งนี้ อาจจะมีการจ่ายเพิ่มเติมอีกภายใน 3 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของไทยเอ็กซ์เพรส
          ส่วนแหล่งที่มาของเงินทุนที่ใช้มาจากเงินทุนหมุนเวียนของ MINT โดยการเข้าทำสัญญาดังกล่าวจะสมบูรณ์ เมื่อบริษัทชำระเงินให้กับผู้ขาย โดยบริษัทกำหนดชำระเงินในวันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม 2551 โดยธุรกรรมซื้อขายนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือนมิถุนายน
          วัตถุประสงค์การลงทุน เพื่อขยายธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มออกไปในต่างประเทศ 
          ไทยเอ็กซ์เพรส เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจร้านอาหารประเภท fast casual restaurant ของสิงคโปร์ ซึ่งมีทีมผู้บริหารที่มีความรู้ความชำนาญ และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ อีกทั้งยังมีความหลากหลายของแบรนด์ในการนำเสนอาหารประเภทต่างๆ ได้แก่ อาหารไทย จีน ญี่ปุ่น และอาหารตะวันตก โดยมีร้านที่ลงทุนเองในสิงคโปร์จำนวน 30 สาขา และเป็นร้านแฟรนไชส์อีก 16 สาขา ในประเทศมาเลเซียอินโดนีเซีย จีน มองโกเลีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
          จากนี้ ไทยเอ็กซ์เพรส ยังคงเดินหน้าขยายกิจการต่อไปในสิงคโปร์ ในขณะที่ MINT จะเข้ามามีส่วนสนับสนุนการขยายธุรกิจในระดับสากลภายใต้โครงข่ายการบริหารจัดการร้านอาหารที่มีอยู่แล้ว ทั้งนี้เพื่อให้แผนการขยายกิจการไปยังประเทศจีน ไทย และ ตลาดเป้าหมายอื่น และสามารถสำเร็จได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
          นายวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MINT กล่าวว่า การเข้าถือหุ้นในไทยเอ็กซ์เพรสคาดว่าจะสามารถส่งเสริมการเติบโตของรายได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของ MINT อย่างมีนัยสำคัญ ดังจะเห็นได้จากกำไรสุทธิของไทยเอ็กซ์เพรสในครึ่งปีหลัง 2550 จำนวน 4.8 ล้านเหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 100ล้านบาท) เมื่อเทียบกับ MINT ที่มีกำไรสุทธิ 930 ล้าน MINT รู้สึกยินดีกับการร่วมลงทุนครั้งนี้ เพราะว่าจะเป็นการผลักดันให้บริษัทมีการพัฒนาและขยายร้านอาหารรูปแบบเอเชีย (Asian Restaurant Concept)ไปในตลาดเป้าหมาย ควบคู่ไปกับร้านอาหารในรูปแบบตะวันตก (Western Restaurant Concept) อื่นๆ ที่บริษัทมีอยู่แล้ว ได้แก่ พิซซ่า ไอศครีม กาแฟ สเต็คและแฮมเบอร์เกอร์
          "MINT รู้สึกยินดีกับการร่วมลงทุนครั้งนี้ เพราะว่าจะเป็นการผลักดันให้บริษัทมีการพัฒนาและขยายร้านอาหารรูปแบบเอเชีย (Asian Restaurant Concept)ไปในตลาดเป้าหมาย ควบคู่ไปกับร้านอาหารในรูปแบบตะวันตก (Western Restaurant Concept) อื่นๆ ที่บริษัทมีอยู่แล้ว" นายวิลเลี่ยม กล่าว