BCH บวก 3.06% มาที่ 23.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท มูลค่าการซื้อขาย 284.31 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.16 โดยเปิดตลาดที่ 23.10 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 23.80 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 23.00 บาท
บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปรับคำแนะนำหุ้น บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) ขึ้นเป็น "ซื้อ" และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 26 บาท อิง 2024E PER 35x จากเดิม 19 บาท อิง PER 30x จากการปรับกำไรปี 67 ขึ้น จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจาก 5 โรคภาระเสี่ยง และปรับ PER ขึ้นจาก outlook เติบโตเด่นกว่าที่คาด และได้อานิสงส์ประกันสังคมที่มีสัดส่วนรายได้มากสุดในกลุ่ม
ทั้งนี้ ประมาณกำไรสุทธิ BCH ไตรมาส 4/66 ที่ 420 ล้านบาท (+146% YoY, -5% QoQ) เติบโต YoY จากการรายได้ที่เพิ่มขึ้นจาก 1) ค่าเหมาหัวที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2023 2) 5 โรคเรื้อรัง และ 3)คนไข้เงินสด OPD จากโรคเรื้อรัง ขณะที่รายได้คนไข้ IPD ลดลง เนื่องจากในช่วงวันหยุดยาวคนไข้จะเลี่ยงการผ่าตัด ทำให้คาดรายได้ไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 3,090 ล้านบาท (+11% YoY, -3% QoQ) ด้าน GPM คาดอยู่ที่ 33% (ไตรมาส 4/65 = 32.7%, ไตรมาส 3/66 = 33.9%)
ปี 66 คงประมาณการกำไรสุทธิที่ 1,400 ล้านบาท (-54% YoY) หากกำไรไตรมาส 4/66 ออกมาใกล้เคียงคาดทำให้กำไรสุทธิทั้งปี 66 ออกมาใกล้เคียงเดิม
แต่ปรับประมาณการกำไรปี 67 ขึ้น +10% เป็น 1,830 ล้านบาท (+31% YoY) จากการปรับรายได้ของประกันสังคมเพิ่มขึ้นของการต่ออายุโครงการรักษา 5 โรคซับซ้อน (ม.ค.-มิ.ย.67) และการได้โควตาผู้ประกันเพิ่ม +20% โดยคาดว่าจะมีผู้ประกันตนเพิ่มในปี 67 ราว 40,000 ราย จากปัจจุบันราว 1.02 ล้านราย
ราคาหุ้น outperform SET +14% ในช่วง 3เดือนที่ผ่านมา จากการคาดผลประกอบการไตรมาส 4/66 จะออกมาดีแม้พ้นช่วง high season แนะนำ "ซื้อ" จากรายได้จากผู้ป่วยทั่วไปฟื้นตัวดีขึ้นเติบโตสูงกว่าช่วงก่อนโควิดแล้ว และรายได้คนไข้ประกันสังคมเพิ่มขึ้น จากยอดโควต้าที่ได้เพิ่มทำให้แนวโน้ม จำนวนผู้ประกันตนเพิ่มขึ้น รวมถึงการต่ออายุโครงการ 5 โรคซับซ้อน โดยเข้าร่วม 10 แห่งในเครือ BCH และ ไตรมาส 3/66 มีรายได้ราว 27 ล้านบาทจากโครงการนี้