BH บวก 3.32% มาที่ 249 บาท เพิ่มขึ้น 8 บาท มูลค่าการซื้อขาย 268.80 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.52 โดยเปิดตลาดที่ 241 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 249 บาท และต่ำสุดที่ 241 บาท
BCH บวก 0.45% มาที่ 22.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 18.05 ล้านบาท
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ให้ กลุ่มโรงพยาบาล เป็นหนึ่งในหุ้นปลอดภัย (Safe Haven) ให้น้ำหนักลงทุน Overweight โดยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 กลุ่มโรงพยาบาลไว้ที่ 6,678 ล้านบาท เติบโต +18%YoY แต่อ่อนลง -5%QoQ หนุนโดยรายได้จากคนไข้เงินสดและประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น โรงพยาบาลที่มีกำไรเติบโตแกร่งทั้ง YoY และ QoQ คือ PR9 และ MASTER
กำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ของกลุ่มโรงพยาบาลยังเติบโต YoY แม้ว่าจะมีผลกระทบจากรอมาฎอนในช่วง 10 มี.ค.-9 เม.ย.67 ทำให้คนไข้ตะวันออกลางเข้ามาน้อยลง แต่รายได้และกำไรยังโตได้จากรายได้ศูนย์รักษาเฉพาะทางที่เพิ่มขึ้น คนไข้ CLM และจีนเข้ามารักษาเพิ่ม รวมถึงได้รับค่าเหมาจ่ายเพิ่ม 10.2% จากสำนักงานประกันสังคม (ซึ่งเริ่มพ.ค.66)
โรงพยาบาลขนาดกลางจะมีกำไรสุทธิขยายตัวสูง +17% ในปี 67 เพราะได้โควต้าผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมเพิ่มขึ้น และรายได้จากการรักษาโรคซับซ้อนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ BCH ได้โควต้าเพิ่มมากที่สุดที่ 1.86 ล้านราย รองลงมาเป็น CHG ที่ 6.98 แสนราย
ส่วนโรงพยาบาลพรีเมียมคาดว่ากำไรสุทธิปี 67 จะขยายตัว +8% จากรายได้คนไข้ต่างชาติเข้ามาเพิ่ม โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ของ BDMS เติบโต 9% และ BH ขยายตัว 5% จากฐานสูงในปี 66
ให้น้ำหนักลงทุน Overweight กลุ่มร.พ. โดยมี BCH และ BDMS เป็นหุ้น Top Picks ทั้งนี้คาดว่า BCH จะเป็นโรงพยาบาลมีกำไรสุทธิเติบโตสูงสุดที่ +27%YoY ในปี 67 (ไม่รวม MASTER) เพราะรายได้คนไข้ไทย ต่างชาติ และประกันสังคมเพิ่มขึ้น ส่วน BDMS มีโรงพยาบาลในเครือข่ายจำนวนมาก ครอบคลุมทั้งคนไข้ระดับพรีเมียมและระดับกลาง รวมถึงคนไข้ต่างชาติ แนะนำซื้อลงทุน