KBank Multi Asset Strategies ระบุว่ามีมุมมองระมัดระวังต่อตลาดหุ้นไทยในปี 67 โดยคงเป้า SET Index ปี 67 ที่ 1,470 จุด คำนวณจาก EYG บน EPS ปี 67 ที่ 97 บาท, อัตราตอบแทนพันธบัตรไทย 10 ปี ที่ 2.70% และ EYG ที่ 3.90% (-0.5SD) ให้หุ้นเด่นประจำเดือนของเรา ได้แก่ TTB, ADVANC, TOP, TU, BTG, PR9, ERW, AAV, AMATA และ SISB
ตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นได้หากเป็นการปรับเพิ่ม EPS ของตลาดหรือเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง SET Index ให้ผลตอบแทนน้อยกว่า MSCI ACWI ที่ 4% YTD และ 35% ในปี 66 จาก EPS ที่เติบโตน้อยลงและมูลค่าหุ้นที่ไม่ถูกเมื่อเทียบกับตลาดในภูมิภาคอื่น ๆ ประมาณการ market EPS ของไทยในปี 67 ถูกปรับลดลง 14.5% ในปี 66 และ 0.7% YTD มาอยู่ที่ 97.32 แม้อัตราตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย ระยะเวลา 10 ปี ลดลง 75bps จากระดับสูงสุดปี 66 ที่ 3.40% ในเดือนต.ค.66 มาอยู่ที่ 2.65%
การเทขายของตลาด (-3% YTD และ -15.5% ในปี 2566) คาดจะเกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี 67 เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติต่างเทขายหุ้นไทย จากแนวโน้มการเติบโตที่อ่อนแอ เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเติบโตขึ้นเพียง 1.8% เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งน้อยกว่าเดิมที่ตลาดคาดไว้ที่ 2.5% อิงจากการรายงานของกระทรวงการคลัง
ดังนั้น เราจึงคาดว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ/ลดอัตราดอกเบี้ ยนโยบายลงในช่วงครึ่งหลังปี 67 หาก GDP ปี 66 ออกมาแย่ พัฒนาการทั้งหมดดังกล่าวและโมเมนตัมของจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าในเชิงบวก (+40% YoY ในเดือนม.ค. 67) กอปรกับกระแส FDI ที่มากขึ้นจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงการลดดอกเบี้ยของเฟด คาดจะจำกัด downside ต่อตลาดและขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดในปี 67 เป้าหมาย SET Index ในปี 2567 ของเราที่ 1,470 จุด ค นวณจาก Earnings Yield Gap model (EYG) อิงด้วย EPS ปี 67 ที่ 97 บาท, อัตราตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะเวลา 10 ปี ที่ 2.70% และ EYG ที่ 3.90% (-0.5SD) ราคาเป้าหมายของเราบ่งชี้ถึง PER ล่วงหน้าปี 67 ที่ 14 เท่า (+0.25SD มากกว่าระดับเฉลี่ย)
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญในปี 67 นักลงทุนควรจับตามองปัจจัยเสี่ยง ดังนี้
1) การปรับตัวขึ้นของอัตราตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ จากนโยบายที่ยังเข้มงวดของ Fed, profit-taking จากสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งหรืออัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดในอนาคต หรืออุปทานพันธบัตรที่สูงขึ้น
2) Downside ต่อกำไรสุทธิปี 67 จากการบริโภคที่อ่อนแอ, สภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงและความล้มเหลวของรัฐบาลในการออกนโยบายหลัก
3) ความเสี่ยงในการ roll over หุ้นกู้ประเภท High Yield มูลค่ารวม 1 แสนลบ. ในปี 67
4) การเทขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติ
และ 5) การโจมตีเรือในทะเลแดงที่อาจเพิ่มต้นทุนการขนส่งและระยะเวลาในการขนส่ง
Preferred themes and top picks เราตัด BCH, GPSC, TIDLOR, CPALL, GLOBAL, MAJOR, ITC, CPN และ CK ออกจาก รายชื่อหุ้นเด่นของเราและแทนที่ด้วย PR9, TTB, TU, BTG, ERW, AAV และ SISB
เรามี 6 ธีมลงทุนดังต่อไปนี้
หุ้นปันผล (TTB) คาด TTB จะให้อัตราตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจที่ 7%
หุ้น defensive (PR9 และ ADVANC) คาดหุ้น defensive จะทำผลงานได้ดีในช่วงที่เศรษฐกิจอ่อนตัวลง
หุ้นพลิกฟื้นตัว (TU และ BTG) คาดกำไรจะพลิกฟื้นในปี 67 ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานที่ดีขึ้ นและต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
หุ้นมูลค่า (TOP) จากการประเมินมูลค่าที่ถูกและ ROE ที่อาจปรับตัวดีขึ้น จาก GRM ขยายตัว ภาคปิโตรเคมีแข็งแกร่ง และโครงการ CFP เสร็จสมบูรณ์
หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (ERW และ AAV) น่าจะเป็นผู้ได้ประโยชน์หลักจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในปี 67
หุ้นการย้ายฐานในภูมิภาค (AMATA และ SISB) รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานในระดับภูมิภาค