โบรกเกอร์เชียร์ "ซื้อ" หุ้นบมจ.จีเอฟพีที (GFPT) หนึ่งในผู้ผลิตไก่เนื้อรายใหญ่ ไตรมาส 4/66 กำไรปกติสูงสุดของปีจากต้นทุนลดลงและยอดส่งออกเริ่มฟื้นตัว ขณะที่ต้นปีตรุษจีนหนุนการบริโภคเนื้อสัตว์ และภาพรวมปี 67 ส่งออกจะกลับมาขยายตัวได้ดี รวมทั้งเป็นปีที่ได้รับผลดีจากต้นทุนลดลงเต็มที่ และยังได้ผลดีจากกำลังการผลิตโรงเชือดไก่แห่งใหม่คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี
ด้านราคาหุ้น GFPT ต่ำสุดในกลุ่มอาหาร และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) หยวนต้า ซื้อ 14.60 พาย ซื้อ 14.80 ลิเบอเรเตอร์ ซื้อ 13.70 กรุงศรี พัฒนสิน ซื้อ 13.40 ดีบีเอสวิคเคอร์สฯ ซื้อ 12.80 นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี พัฒนสิน มองว่าผลงาน GFPT ไตรมาส 4/66 ฟื้นตัว QoQ เนื่องจากการส่งออก โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบทั้งข้าวโพดและถั่วเหลืองปรับลดลง และสินค้ากลุ่ม by product ก็คือ โครงไก่ ดีขึ้น มีผลต่อ Gross Profit Margin ของ GFPT ไตรมาส 4/66 คาดว่า GFPT จะประกาศกำไรสุทธิ 377 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% QoQ ขณะที่ทั้งปี 66 คาดกำไรสุทธิ 1,343 ล้านบาท ซึ่งการที่ผลงานยังหดตัว YoY ในทุกไตรมาส ทำให้ภาพรวมทั้งปี 66 earning ลดลง 34% YoY จากปริมาณการส่งออกที่ลดลง 10% จากการชะลอคำสั่งซื้อของลูกค้าในญี่ปุ่น ประกอบกับ ราคาไก่และต้นทุนวัตถุดิบไม่เอื้ออำนวย ทำให้ภาพรวมปีที่แล้วไม่ค่อยดี แต่แนวโน้มในปี 67 มองกำไรสุทธิที่ 1,534 ล้านบาท กลับมาเติบโต 14% YoY เนื่องจากสิ่งที่เป็นปัจจัยลบในปีก่อนจะดีขึ้นในปีนี้ โดยคาดว่าการท่องเที่ยวญี่ปุ่นฟื้นตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ และต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ในประเทศปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการบริโภคในประเทศฟื้นตัวไดี ทำให้ราคาไก่และโครงไก่เพิ่มขึ้น ส่งผลบวกต่อ GFPT ในปี 67 ดังนั้น ให้คำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น GFPT ราคาเป้าหมาย 13.40 บาท ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ คาดกำไรปกติของ GFPT ไตรมาส 4/66 ที่ 375 ล้านบาท (+18.0% QoQ,-10.9% YoY) กลับมาฟื้นตัว QoQ อีกครั้งหลังจากชะลอไปในไตรมาส 3/66 โดยกำไรเติบโต QoQ ทั้งตลาดในประเทศและการส่งออก รายได้ในประเทศมีปัจจัยหนุนหลัก คือ ราคาขายโครงไก่ฟื้นตัวมาที่ 14-15 บาท/กก. (+25% QoQ) และปริมาณขายเพิ่มขึ้นมามาที่ 16,500 ตัน จากไตรมาส 3/66 ที่ 16,300 ตัน ขณะที่ปริมาณส่งออกสูงขึ้นเป็น 7,500 ตัน หลังจากลูกค้าชะลอออเดอร์ในไตรมาส 3/66 (6,600 ตัน) และราคาขายเฉลี่ยส่งออกดีขึ้นเล็กน้อยจากตลาดญี่ปุ่น สะท้อนการกลับมาสต๊อกสินค้ามากขึ้น ขณะที่ไตรมาส 1/67 กำไรปกติจะกลับมาเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ได้อีกครั้งในรอบ 6 ไตรมาส ปัจจัยหนุนมาจากตลาดในประเทศได้ประโยชน์จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ดีขึ้น ตอบรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ราคาไก่และโครงไก่ก็มีแนวโน้มสูงขึ้น และช่วงเทศกาลตรุษจีนช่วยหนุนการบริโภคเนื้อสัตว์ ด้านตลาดต่างประเทศคาดได้คำสั่งซื้อจากยุโรปมากขึ้นหลังผ่านช่วง Low Season ขณะที่ญี่ปุ่นคาดทรงตัวหรืออ่อนลงเล็กน้อย และจะรับรู้ราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับลดลงในไตรมาส 4/66 ได้ต่อ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยกดดันหลักต่อหุ้นกลุ่มส่งออก คือสถานการณ์ความไม่สงบในทะเลแดง แต่ประเมินผลกระทบจำกัดต่อ GFPT เนื่องจากสัดส่วนรายได้ส่งออกไปยุโรปมีแค่ 8-10% ของรายได้รวมเท่านั้น แม้ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้นจะกระทบ SG&A สูงขึ้น (ขายเป็น CIF) แต่บริษัทมีความสามารถปรับขึ้นราคาขายเพื่อชดเชยได้ และคำสั่งซื้อลูกค้าตอนนี้ยังไม่เห็นสัญญาณการชะลอลงแม้ราคาขายขึ้นไปแล้วบางส่วน และอาจจะมีผลกระทบเรื่อง Transit time ไปตลาดยุโรปเพิ่มขึ้น ทำให้มีโอกาสที่ลูกค้าจะเร่งคำสั่งซื้อในครึ่งปีแรก ราคาหุ้น GFPT ปัจจุบันซื้อขายบน PER67 เพียง 10x ต่ำที่สุดในกลุ่มอาหาร เทียบ TU ที่ 11x, BTG ที่ 13x, CPF ที่ 25x และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัทที่ 13x เราคงราคาเหมาะสมที่ 14.60 บาท มี Upside gain 29.2% คงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับการลงทุนเพื่อคาดหวังการเข้าสู่โหมดการเติบโตของผลประกอบการในปี 67 ขณะที่ บล.พาย คาดกำไรสุทธิ GFPT งวดไตรมาส 4/66 ที่ 376 ล้านบาท (-17% YoY, +18% QoQ) โดยกำไรที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะราคาเนื้อสัตว์ที่เพิ่มขึ้น ส่วนเทียบกับไตรมาส 3/66 กำไรเพิ่มขึ้น เพราะต้นทุนเริ่มลดลง และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น รายได้คาดว่าจะทำได้ 4,820 ล้านบาท (-3% YoY,+1%QoQ) จากปริมาณส่งออก 7,500 ต้น (-7%YoY, +14%QoQ) ส่วนหนึ่งเป็นผลจากคำสั่งซื้อที่ล่าช้ามาจากไตรมาส 3/66 โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่น รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมกลับมาดีหลังชะลอไปในช่วงไตรมาส 3/66 อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับปีก่อนยังเห็นการหดตัว เนื่องจากราคาเนื้อไก่ยังคงต่ำกว่าปีก่อนราว 16% YoY ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นคาดที่ 12.5% ลดลงจาก 13.7% รวมทั้งปี 66 คาดว่า GFPT จะมีรายได้ 18,985 ล้านบาท (+4% YoY) และมีกำไรสุทธิ 1,342 ล้านบาท (-34%YoY) แต่ภาพรวมปี 67 ในแง่การส่งออกคาดว่าจะกลับมาปรับตัวเพิ่มได้อีกหลังจากชะลอตัวไปในปี 66 รวมทั้งเป็นปีที่ได้รับผลดีจากต้นทุนลดลงเต็มปี รวมถึงราคาสินค้ากลุ่ม by product ที่เดือน ม.ค.ดีขึ้นมาอยู่ที่ 16 บาท/กก. นอกจากนี้ ยังได้ผลดีจากกำลังการผลิตโรงเชือดไก่แห่งใหม่คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปีนี้ ทำให้เราประเมินกำไรสุทธิปี 67 เพิ่มขึ้นเป็น 1,550 ล้านบาท (+15 YoY) ส่วนรายได้คาดไว้ที่ 19,276 ล้านบาท (+2% YoY) เรายังคงแนะนำ "ซื้อ" โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 14.8 บาท จากปัจจัยบวกเรื่องผลประกอบการงวดไตรมาส 4/66 ที่ฟื้นตัวจากไตรมาส 3/66 และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 1/67 นอกจากนี้ระยะสั้นยังมีปัจจัยบวกจากการเข้าสู่ช่วงเทศกาลตรุษจีนที่อาจจะทำให้ราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้