นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน บมจ.แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ (NAT) เปิดเผยว่า NAT พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจเทคโนโลยี (TECH) วันแรก 15 ก.พ.นี้ หลังจากเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ครบทั้งจำนวน 92 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ราคาหุ้นละ 5.40 บาท เมื่อวันที่ 8-12 ก.พ.67 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่ให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินงานของธุรกิจ
เนื่องจาก NAT มีความโดดเด่นในการนำเสนอโซลูชันด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของกลุ่มลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นอย่างดี อีกทั้งบริษัทยังมีความพร้อมในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ประกอบกับปัจจัยด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มความต้องการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ในฐานะผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เชื่อว่า NAT จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากราคา IPO เหมาะสมกับศักยภาพการดำเนินงานที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง กระแสเงินสดดี และไม่มีการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน อีกทั้งมีความสามารถการทำกำไรสูงเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน โดยอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 15% และ อัตรากำไรสุทธิ 8%
ยการกำหนดราคา IPO ที่หุ้นละ 5.40 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (PER) 12.56 เท่า คำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (1 ต.ค. 65- 30 ก.ย. 66) ซึ่งเท่ากับ 141.29 ล้านบาท เมื่อหารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้เท่ากับจำนวน 328.00 ล้านหุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 0.43 บาทต่อหุ้น
นายสุธี อภิชนรัตนกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NAT กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Infratech ส่วนงานโครงสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และการให้บริการด้านเทคโนโลยีครบวงจรแก่องค์กรชั้นนำของประเทศ ซึ่งการระดมทุนในครั้งนี้จะส่งผลให้บริษัทสามารถขยายศักยภาพการดำเนินงาน เพื่อสร้างการเติบโตตามแผนการดำเนินงานที่ได้วางไว้
"การเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญของบริษัท ที่จะสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน โดยบริษัทมีแผนการเพิ่มบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อขยายธุรกิจและการให้บริการ รองรับโอกาสการเข้ารับงานทั้งภาครัฐและเอกชนในอนาคตที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง" นายสุธี กล่าว