บริษัท เอสซีจี เปเปอร์ จำกัด (มหาชน) คาดว่าจะเพิกถอนหุ้น บมจ.ไทยเคนเปเปอร์(TCP) ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.51 หลังจากเอสซีจี เปเปอร์ ทำคำเสนอซื้อหุ้น TCP เป็นการทั่วไปในราคาหุ้นละ 16 บาทตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)
เอสซีจี เปเปอร์ เป็นบริษัทย่อยที่ บมจ.ปูนซิเมนต์(SCC) ถือหุ้นอยู่ 98.37%
นายเชาวลิต เอกบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจกระดาษเครือซิเมนต์ไทย กล่าวว่า เอสซีจีฯ อยู่ระหว่างการทำแผนคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ TCP ให้ครบทั้ง 100% จากที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 85% แล้ว คาดว่าจะนำหุ้น TCP ออกจากตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในเดือนส.ค.นี้ โดย TCP จะมีการขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนมิ.ย.นี้
บริษัทได้ทำคำเสนอซื้อที่ 16 บาท/หุ้น โดยหุ้นที่เหลือในตลาดประมาณ 53 ล้านหุ้น หากมีผู้มาเสนอขายทั้งจำนวนก็คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 850 ล้านบาท
นายเชาวลิต กล่าวว่า บริษัทได้เข้าลงทุนใน TCP มานานแล้วและเห็นว่าเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ เนื่องจากเป็นผู้ผลิตกระดาษลูกฟูกรายใหญ่ หากเพิกถอนออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็เชื่อว่าจะทำให้การบริหารจัดการทำได้ง่ายขึ้น และจะทำได้บริษัทมีความชัดเจนในการดำเนินงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้สูงขึ้นได้อีก
นอกจากนั้น หลังจากเข้าถือหุ้นครบ 100% ก็จะทำให้เอสซีจีฯ รับรู้รายได้จาก TCP เต็มที่ ซึ่งในปีนี้คาดว่า เอสซีจีฯ จะมีการเติบโตของรายได้ตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากโรงงานขอนแก่นที่จะเริ่มผลิตในครึ่งปีหลัง กำลังผลิต 3 แสนตัน/ปี และจากการลงทุนในมาเลเซียและสิงคโปร์ที่ผลิตกล่องกระดาษลูกฟูก
ในปี 52 บริษัทยังมีแผนเริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงงานกระดาษคราฟท์ในเวียดนาม กำลังผลิต 2.2 แสนตัน/ปี และบริษัทยังสนใจเข้าลงทุนในธุรกิจกระดาษในประเทศแถบอาเซียนเพิ่มเติมอีกอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศที่มองว่ามีศักยภาพ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และ มาเลเซีย แต่บริษัทยังไม่มีแผนจะเพิ่มการลงทุนใน บมจ.ไทยบริติช ซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง(TBSP)จากที่ถือหุ้นอยู่ในปัจจุบัน 50% เนื่องจากธุรกิจของ TBSP เป็นการผลิตกระดาษพิเศษซึ่งเป็นธุรกิจมีความแข็งแกร่งสูงอยู่แล้ว
ด้านนายเฉลิมพร ผลชีวิน กรรมการผู้จัดการ TCP กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ในปี 51 ประมาณ 4 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งการเข้ามาถือหุ้นของเอสซีจีฯ ทำให้บริษัทมีศักยภาพในการเติบโต หากบริษัทเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ก็เชื่อว่าจะทำให้ประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น แต่บริษัทก็ยังจะเน้นการผลิตกระดาษลูกฟูกต่อไป ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นตลาดในประเทศทั้งหมด
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/ศศิธร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--