นางสาวดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารทุน (Head of Equities - Thailand) บลจ.อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) คาดเป้าดัชนี SET สิ้นปีอยู่ที่ 1,406 - 1,560 จุด โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 3% แรงขับเคลื่อนหลักจากภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงอยู่ อาทิ นโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐที่ยังกระตุ้นได้ไม่เต็มที่ ขณะที่ Valuation ของตลาดหุ้นไทยดาวน์ไซด์ค่อนข้างจำกัด ซึ่งตลาด Price in ประเด็นลบไม่มากแล้ว ซึ่งกลยุทธ์ในการลงทุนแนะนำเลือกหุ้นรายตัวขนาดกลางและเล็ก
นอกจากนี้คาดว่าในปี 67 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้ง ซึ่งแนวโน้มจะปรับลดช่วงเวลาใดขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่การบริโภคในประเทศมีแนวโน้มเติบโตขึ้น แต่ตลาดไม่ได้ให้น้ำหนักกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ถึงแม้ขนาดโครงการอาจไม่เป็นไปตามคาดแต่น่าจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้แน่นอน แต่หากไม่มีโครงการดิจิทัลวอลเล็ตรัฐบาลก็ต้องหาแนวทางอื่นในกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือธปท. อาจต้องเข้ามาช่วย
ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวที่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก คาดว่าในปี 67 นักท่องเที่ยวจะแตะระดับ 33-35 ล้านคน หรือประมาณ 85% จากช่วงก่อนโควิด โดยนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นเป็น 5.5 ล้านคน แม้ว่านักท่องเที่ยวจีนจะยังกลับมาไม่เต็มที่ เนื่องจากยังระมัดระวังในการใช้จ่ายเงินจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศแต่เชื่อว่าหลังจากมีฟรีวีซ่าจะจะเห็นนักท่องเที่ยวกลับมา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของภาคการท่องเที่ยว
นอกจากนี้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากปี 66 ที่ FDI เข้ามาจำนวนมาก โดยจำนวนกว่าครึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้า EV อาจจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นและน่าจะเห็นการเติบโตต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 3-5 ปี
โดยกลยุทธ์ในการลงทุน แนะนำการลงทุนที่สอดคล้องกับตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของปีนี้และปีถัดไป อาทิ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่ม กลุ่มธุรกิจสุขภาพและความงามจากการเข้าสู่สังคมสูงวัยในไทย กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกและกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการกระจายฐานการผลิตของบริษัททั่วโลก อาทิ CENTEL , MOSHI, SISB และ MEGA
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า ในปีที่แล้วนักลงทุนต่างชาติไหลออกจำนวนมาก โดยการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไทยต่ำกว่าประเทศใกล้เคียง แต่ไม่ได้แย่เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งมาจากความเชื่อมั่นในการลงทุนของตลาดหุ้นไทย รวมทั้งนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐยังไม่สามารถกระตุ้นได้เต็มที่ทำให้ปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติยังไม่กลับเข้ามา
อย่างไรก็ตามมองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยบวก อาทิ การท่องเที่ยงที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ซึ่งนอกจากจำนวนนักท่องเที่ยวแล้วรัฐยังจำเป็นต้องกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มมากกว่าปีที่แล้วด้วย ขณะที่การบริโภคในประเทศฟื้นกลับมา โดยมีทั้งมาตรการ Easy E-receipt และรอติดตามดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งหากล่าช้าอาจะมีดาวน์ไซด์บ้างแต่ตลาดไม่ได้คาดหวังมากเท่าไร
ขณะที่การส่งออกเป็นไปตามเศรษฐกิจโลก แต่การส่งออกของไทยเติบโตสูงเมื่อเทียบกับประเทศข้างเคียง รวมทั้งการลงทุนที่มีมาตรการสนับสนุนให้มีการลงทุนต่าง ๆ โดยเฉพาะมาตรการรถยนต์ไฟฟ้า EV ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
โดยกลยุทธ์ในการลงทุนแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ โดยเน้นหุ้นขนาดขนาดกลางและขนาดเล็ก อาทิ CPALL WHA SPA JMT MASTER COCOCO