SET ปิดเช้าวันนี้ที่ระดับปิดช่วงเช้าวันนี้ 1,387.54 จุด เพิ่มขึ้น 0.27 จุด (+0.02%) มูลค่าซื้อขายราว 21,681 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งสลับบวก-ลบ ค่อนข้างทรงตัว หุ้นขึ้นนำตลาดคือกลุ่มพลังงานตอบรับราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นและแนวโน้มผลงานไตรมาส 1/67 น่าจะดี และกลุ่มแบงก์รอรับปันผล แต่ภาพรวมตลาดยังมีความเสี่ยงจากนโยบายรัฐล่าช้า โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ต ขณะที่รอติดตามตัวเลข GDP ไตรมาส 4/66 ของไทยในวันจันทร์ แนวโน้มช่วงบ่ายคาดดัชนียังทรง ๆ บวก-ลบไม่เกิน จุด ให้แนวรับ 1,384 จุด และแนวต้าน 1,395 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ 1,387.54 จุด เพิ่มขึ้น 0.27 จุด (+0.02%) มูลค่าซื้อขายราว 21,681 ล้านบาท
การซื้อขายช่วงเช้า ดัชนีเคลื่อนไหวทรงตัว ทำระดับสูงสุด 1,397.05 จุด และต่ำสุด 1,384.83 จุด
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ไม่คึกคัก แกว่งบวก-ลบสลับกัน แม้ปัจจัยต่างประเทศจะเป็นบวกหลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกลดลงมากกว่าคาด ทำให้ตลาดคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าที่คาดไว้ล่าสุในเดือน มิ.ย.
หุ้นใหญ่ที่ปรับขึ้นนำตลาดเช้านี้เป็นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น และแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/67 น่าจะออกมาดี และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลใน 2 สัปดาห์นี้
กลยุทธ์การลงทุน แนะทยอยลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากทิศทางส่วนต่างดอกเบี้ยเริ่มแคบลง ขณะเดียวกันจากปัจจัย การท่องเที่ยวและค่าเงินบาทอ่อนค่า แนะนำลงทุนกลุ่มที่เกี่ยวข้อง อาทิ ท่องเที่ยว อาหาร และการแพทย์ ขณะที่วานนี้ สภาฯมีมติรับรองรายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติโครงการแลนด์บริดจ์ ถัดไปจะนำเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหาก ครม.อนุมัติ จะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยวันนี้คงไปไหนไม่ได้ไกล เนื่องจากยังมีความเสี่ยงจากนโยบายภาครัฐล่าช้า โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต อีกทั้งวันจันทร์ที่ 19 ก.พ.สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) จะแถลงภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/66 และแนวโน้มปี 67 ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตชะลอลง อาจทำให้ตลาดผิดหวังช่วงสั้น จึงมีความระมัดระวังในการลงทุน
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายคาดทรงตัวบวกลบไม่เกิน 5 จุด โดยให้แนวรับ 1,384 จุด และแนวต้าน 1,395 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,853.08 ล้านบาท ปิดที่ 77.50 บาท ลดลง 4.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,462.33 ล้านบาท ปิดที่ 35.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
KTB มูลค่าการซื้อขาย 858.55 ล้านบาท ปิดที่ 15.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 711.49 ล้านบาท ปิดที่ 63.25 บาท ลดลง 0.25 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 605.47 ล้านบาท ปิดที่ 54.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท