STA ปรับตัวขึ้น 10.84% มาที่ 18.40 บาท เพิ่มขึ้น 1.80 บาท มูลค่าการซื้อขาย 282.27 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.35 น. โดยเปิดตลาดที่ 17.10 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 18.40 บาท และต่ำสุดที่ 17.00 บาท
STGT บวก 13.04% มาที่ 7.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท มูลค่าการซื้อขาย 97.53 ล้านบาท
บล.ฟิลลิป ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) ไตรมาส 4/66 มีปริมาณขายถุงมือเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาเฉลี่ยทรงตัว q-q ทำให้รายได้ฟื้นตัวขึ้น แต่มีกำไรขั้นต้นลดลงจากต้นทุนสูงขึ้น และมีบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์จากการปิดโรงงานทำให้ไตรมาส 4/66 มีขาดทุนสุทธิ
ไตรมาส 4/66 เข้าสู่ฤดูเปิดกรีดยาง จัดการวัตถุดิบได้ดีขึ้น มีปริมาณขายฟื้นขึ้น q-q ใกล้ระดับปกติ ราคาขายเฉลี่ยสูงขึ้น ทำให้มีรายได้และมีกำไรขั้นต้นดีขึ้นกว่าไตรมาสก่อน แต่ยังอ่อนตัวเมื่อเทียบปีก่อน แต่มีขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงินและมีด้อยค่าสินทรัพย์จาก STGT ทำให้ผลประกอบการยังเป็นขาดทุนสุทธิ 422 ล้านบาท -142.7% y-y -2.9%q-q ซึ่งมากกว่าที่เราคาดไว้ เป็นผลทำให้ผลประกอบการทั้งปี 66 ขาดทุนสุทธิ 434 ล้านบาท -109.1% y-y
อย่างไรก็ตาม ปันผลจะช่วยพยุงราคาหุ้น โดย STA ประกาศจ่ายปันผล 1.0 บาท XD 18 เม.ย.67 Div. yield 6.02% มองว่าราคาหุ้นยังมีผลตอบแทนปันผลที่ช่วยพยุงและเคลื่อนไหวอิงตามราคายางในปัจจุบันมากกว่า ผลประกอบการปี 66 ผ่านพ้นไปแล้ว ราคายางแท่ง STR20 ปัจจุบัน 59 บาท/กก. ปรับตัวขึ้นจากต้นปีกว่า 10% และคาดว่าราคายางปีนี้จะสูงกว่าปีก่อน
แนะนำ "ซื้อ" ราคาพื้นฐาน 20.90 บาท
บล.กสิกรไทย ระบุ บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) (STGT) รายงานขาดทุนปกติที่ 9 ล้านบาท ในไตรมาส 4/66 ลดลง YoY และ QoQ จาก ASP ที่ลดลงจากอุปทานส่วนเกินในตลาด และ SG&A ที่สูงขึ้นจากการขาดทุนจากการของ STGT ต่ำด้อยค่า
กำไรไตรมาส 1/67 คาดว่าจะดีขึ้นจากปริมาณการขายที่ดีขึ้นเล็กน้อยจากสินค้าคงคลังส่วนเกินที่หมดไป ข้อกังวล คือ ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะน้ำยาง ดังนั้น คงคำแนะนำ "ถือ" และ TP ที่ 7.50 บาท คาดว่าจะมีสัญญาณเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของปริมาณการขาย แต่เราจะรอให้ ASP ถึงจุดต่ำสุด
ขณะที่ STGT แจ้งการจ่ายปันผล ที่ 0.50 บาท/หุ้น XD 18 เม.ย.67