นพ.เสถียร ภู่ประเสริฐ รองประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.โรงพยาบาลพระรามเก้า (PR9) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานปี 67 ปักธงขับเคลื่อนรายได้รวมเติบโต 12% ทะลุ 4,700 ล้านบาท ภายใต้การเดินหน้ากลยุทธ์ด้านการพัฒนาความเชี่ยวชาญการรักษาโรคยากซับซ้อน เพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขัน ขับเคลื่อนการเติบโตต่อเนื่องแบบยั่งยืน ควบคู่ไปกับการขยายวอร์ดเพิ่มเติม รองรับผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงการทำการตลาดเชิงรุกขยายฐานผู้ป่วย ทั้งชาวไทยและต่างชาติ อาทิ กัมพูชา, พม่า, สปป.ลาว และจีน รวมถึงผู้ป่วยชาวอาหรับ ที่ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกในการเข้าใช้บริการเพิ่มสูงขึ้น
"โรงพยาบาลพระรามเก้ามีแบรนด์ที่แข็งแกร่งเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งในกลุ่มผู้ป่วยไทยและผู้ป่วยต่างชาติ ที่เกิดจากความตั้งใจของทีมงานที่มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพทางการแพทย์ ใช้เครื่องมือที่ทันสมัย รวมถึงพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคยากซับซ้อน ส่งผลให้ผู้ป่วยมอบความไว้ใจให้กับโรงพยาบาลและเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นในทุกๆปี และจากแผนการดำเนินงานปี 67 ที่วางไว้ ประกอบกับลมส่งจากการเพิ่มขึ้นของชาวต่างชาติที่เข้ามาไทยในปีนี้ มั่นใจภาพรวมทั้งปีจะสามารถผลักดันรายได้เติบโต 12% แตะ 4,700 ล้านบาท" นพ.เสถียร กล่าว
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 66 รายได้รวมทุบสถิติ All Time High 4,253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิ 558 ล้านบาท หากไม่รวมรายการวัคซีนที่ลูกค้าไม่มาใช้บริการ กำไรปี 66 จะสูงกว่ากำไรปี 65 คิดเป็น 3.8% อานิสงค์ช่วงโค้งสุดท้ายไตรมาส 4/66 เติบโตโดดเด่น จากแบรนด์ที่แข็งแกร่งเป็นที่รู้จักและยอมรับในกลุ่มผู้ป่วยทั้งในและต่างชาติ และเข้าสู่ช่วงไฮซีชั่นของธุรกิจโรงพยาบาล ซึ่งมีผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก จากการเข้ามาใช้บริการตรวจสุขภาพประจำปี, การผ่าตัดทั่วไป รวมถึงการทำเลสิค
ส่วนภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 4/66 บริษัทมีกำไรสุทธิ 188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49 ล้านบาท เติบโต 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หากไม่รวมรายการวัคซีนที่ลูกค้าไม่มาใช้บริการบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 139 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,191 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75 ล้านบาท เติบโต 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่รายได้รวม 1,086 ล้านบาท
"รายได้ทั้งปี 66 เติบโตโดดเด่นทำ All Time High อานิสงส์จากการขยายตัวของทั้งผู้ป่วย OPD และ IPD ที่เข้ามารักษาโรคทั่วไปและโรคยากซับซ้อน โดยเฉพาะความเชี่ยวชาญในการรักษากลุ่มผู้ป่วยโรคไต ส่งผลให้จำนวนเคสเปลี่ยนไตของปีนี้พุ่งทำนิวไฮ ที่ 103 เคส นับเป็นการเติบโต 20% จากปีที่แล้วที่ทำไว้ 86 เคส" นพ.เสถียร กล่าว