นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) เปิดเผยว่า แผนงานหลักที่มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตปี 67 ยังคงเน้นการพัฒนาธุรกิจใหม่ และการขยายโอกาสทางธุรกิจด้วยการ Synergy เชื่อมโยงทั้งธุรกิจหลักและธุรกิจใหม่จากพันธมิตร มุ่งขยายการลงทุนหลักไปที่กลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูงสุดและคาดว่าจะเป็นเรือธงของปีนี้ นั่นคือ การขนส่งทางอากาศ โดยบริษัทจะโฟกัสไปที่การร่วมลงทุนกับพันธมิตรโลจิสติกส์ใหม่ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ ทั้งในรูปแบบ JV และ M&A โดยคาดว่าภายในก่อนสิ้นปีจะบรรลุข้อตกลงได้อีก 3-4 ดีล
"ปัจจัยบวกต่อการเติบโตปีนี้ มีทั้งเรื่องอัตราค่าระวางทางเรือ/ทางอากาศ ซึ่งผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และเริ่มทรงตัว หรืออาจปรับสูงขึ้นในบางเส้นทาง รวมถึงปัจจัยบวกจากกลยุทธ์ Logistics and Beyond ของเราเอง ที่จะเห็นการเติบโตจากการลงทุนใหม่ๆ และจากการเชื่อมโยงกับกลุ่มธุรกิจของพันธมิตรที่เราวางแผนไว้แล้ว โดยมีการขยายพื้นที่การทำธุรกิจออกไปครอบคลุมหลายประเทศ มีผลิตภัณฑ์/บริการใหม่ ซึ่งปีนี้จะเห็นการเติบโตที่ชัดเจนและโดดเด่น" นายทิพย์ กล่าว
ขณะที่ บริษัทร่วมทุนของ III อย่าง บมจ.เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล (ANI) เตรียมเดินหน้าขยายบริการเพิ่มอีก 3 ประเทศเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ อินเดีย เกาหลี และญี่ปุ่น จากเดิมมีพื้นที่ทางธุรกิจครอบคลุม 10 เมืองใน 8 ประเทศเอเชีย จากนั้นระยะต่อไปวางเป้าหมายขยายออกไปนอกทวีปเอเชีย เพื่อยกระดับเป็นบริษัทภูมิภาคอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันรายได้หลัก 85% มาจากต่างประเทศ อีกทั้งปีนี้จะมีการร่วมมือกันระหว่าง III และ ANI เพื่อเริ่มให้บริการด้าน Freighter Service ด้วยเครื่องบินขนส่งสินค้าโดยเฉพาะ และมีเส้นทางบินของตัวเอง
นอกจากนี้ เตรียมเปิดตัวบริการที่เรียกว่า Same Day Asia คือบริการส่งสินค้าภายในภูมิภาคได้ภายในวันเดียว เพราะเห็นความต้องการของตลาดในกลุ่ม E-Commerce สินค้ากลุ่มอาหารสด อาหารแช่แข็ง ผักและผลไม้สด ที่มีความจำเป็นต้องส่งแบบเร่งด่วน โดยใช้ความเชี่ยวชาญของ III ที่มีเครือข่ายการบินด้าน Air Cargo ครอบคลุมทั่วเอเชียเป็นจุดเชื่อมโยงและต่อยอด ในขณะที่บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOTGA) ที่ III เข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจบริการภาคพื้นสนามบินและผู้โดยสาร รวมทั้งธุรกิจการให้บริการคลังสินค้า ก็กำลังเดินหน้าหาโอกาสใหม่ทางธุรกิจ รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งจะเห็นความชัดเจนเร็วๆ นี้
"ทั้งหมดนี้ทำให้มั่นใจว่า III จะสามารถเติบโต 15% ตามเป้าหมายของปี 67 และเติบโตต่อเนื่องด้วยความมั่นคงและยั่งยืนได้อย่างแน่นอน"นายทิพย์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการปี 66 ท่ามกลางสถานการณ์โดยรวมของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาวะทรงตัว หรือติดลบ แต่ในส่วนของบริษัทฯ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยสิ้นปีมีรายได้รวม 1,764.5 ล้านบาท สร้างผลกำไรสุทธิ จำนวน 866.2 ล้านบาท เติบโตกว่าปีก่อนหน้า 8.9% และมีกำไรสุทธิหลังหักกำไรจากรายการพิเศษเติบโตร้อยละ 18.2%
ความสำเร็จมาจากทั้งการเติบโตของกลุ่มธุรกิจหลัก ซึ่งสามารถรักษาระดับการทำกำไร และยังมีการบริหารจัดการต้นทุนได้ดี รวมถึงบริษัทฯ ได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการพัฒนาธุรกิจใหม่ซึ่งมีการลงทุนผ่านรูปแบบการร่วมทุนกิจการร่วมค้า (JV) และการลงทุนเพื่อควบรวมกิจการ (M&A) ที่มุ่งเน้นการใช้ความเชี่ยวชาญจากธุรกิจหลักด้านโลจิสติกส์ เข้าไปขับเคลื่อนต่อยอดผลิตภัณฑ์บริการใหม่ๆ สร้างความต้องการ (Demand) ใหม่ๆ และสามารถใช้ศักยภาพของเครือข่ายด้านโลจิสติกส์ที่ III มีอยู่ในการขยายพื้นที่การทำธุรกิจออกไปนอกประเทศไทย ครอบคลุมภูมิภาคเอเชีย และทั่วโลก