นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งตัวออกด้านข้าง อิงแดนบวกได้เล็กน้อย คล้ายกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย หลังรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อคืนนี้ ตอกย้ำอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงช้า อีกทั้งเจ้าหน้าที่เฟดยังไม่มั่นใจว่าจะปรับลดได้ช่วงไหน ขณะที่ตลาดประเมินเฟดจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยได้ในช่วงกลางปีนี้ แต่ความน่าจะเป็นปรับลดลงสู่ระดับ 50%
ทั้งนี้บริษัทอินวิเดีย (NVDIA) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ได้เปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2567 ที่สูงกว่าตลาดคาดไว้ พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่ารายได้ในไตรมาสปัจจุบันจะออกมาสูงกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ น่าจะส่งผลบวกมายังหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บ้านเราในวันนี้ แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวคงไม่ได้ทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นร้อนแรง แต่น่าจะช่วยให้บวกได้เล็กน้อย เนื่องจากยังมีปัจจัยในเรื่องของแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดที่ยังกดดันบรรยากาศการลงทุนอยู่
ส่วนในประเทศนักลงทุนยังคงรอดูการทยอยประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ที่จะออกมามากขึ้น
ให้แนวรับไว้ที่ 1,390 จุด และแนวต้าน 1,400 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (21 ก.พ.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,612.24 จุด เพิ่มขึ้น 48.44 จุด หรือ +0.13%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,981.80 จุด เพิ่มขึ้น 6.29 จุด หรือ +0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,580.87 จุด ลดลง 49.91 จุด หรือ -0.32%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,489.84 จุด ลดลง 13.26 จุด หรือ -0.08% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,945.45 จุด ลดลง 5.51 จุด หรือ 0.19% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 38,508.07 จุด เพิ่มขึ้น 245.91 จุด หรือ +0.64% ก่อนพุ่งแตะ 38,924.88 จุด ณ ขณะหนึ่ง ซึ่งทุบสถิติเมื่อปี 2532 ที่ 38,915.87 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ก.พ.) ที่ 1,393.61 จุด เพิ่มขึ้น 12.54 จุด (+0.91%) มูลค่าซื้อขาย 64,865.89 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 6,343.42 ล้านบาท (21 ก.พ.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.(21 ก.พ.) เพิ่มขึ้น 87 เซนต์ หรือ 1.13% ปิดที่ 77.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ก.พ.) อยู่ที่ 5.65 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.91 อ่อนค่าสวนทางภูมิภาค จับตาทิศทาง Flow-ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ
- "เศรษฐพุฒิ" ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ระบุ ธปท. "ไม่ได้ดันทุรัง" เรื่องอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันที่สูงสุดในรอบทศวรรษ เผยปัญหาเชิงโครงสร้างและปัญหาตามวัฏจักรที่กระทบเศรษฐกิจไทย ไม่สามารถแก้ได้ด้วยการกลับลำนโยบายการเงิน ด้าน "กนง." ชี้ลดดอกเบี้ย เพิ่มแรงส่งผลต่อเศรษฐกิจไม่มาก ห่วงยิ่งลดดอกเบี้ยยิ่งกระตุ้นสร้างหนี้เพิ่ม
- "คลัง" เสนอ "ธปท." ผ่อนปรนเกณฑ์แอลทีวีกระตุ้นภาคอสังหาฯ ขณะ กนง.ย้ำ "แอลทีวี" ปัจจุบันระดับเหมาะสม ชี้ผ่อนคลายเกณฑ์อาจกระทบเสถียรภาพการเงิน ไม่คุ้มประโยชน์ระยะสั้น ยันไม่เป็นอุปสรรคซื้อบ้านสัญญาแรก "เอเจนซี่ ฟอร์ฯ" ชง 7 มาตรการถือครองอสังหาฯคนต่างชาติ ลดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน "ศุภาลัย" หนุนรัฐดึงต่างชาติซื้อบ้าน คอนโด "ไซมิส แอสเสท" ชงต่างชาติซื้อบ้านหลังที่ 2 "อัลติจูด" แนะรัฐดึงผู้สูงวัยต่างชาติซื้อบ้าน
- บอร์ดอีวีแห่งชาติ เคาะ2 มาตรการใหญ่สร้างโมเมนตัมโตต่อเนื่องหนุนสร้างโรงงานแบตระดับเซลล์วาง 4 เงื่อนไข รับเงินอุดหนุนตั้งโรงงาน ลงทุนภายในปี 2570 ตั้งเป้าดึงยักษ์ใหญ่มาลงทุนไทย พร้อมคลอดมาตรการหนุนรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ "รถบัส-รถบรรทุก" นิติบุคคลซื้อแล้วนำไปลดหย่อนค่าใช้จ่ายได้ 1.5-2.0 เท่า คาดตลาดตอบรับเข้าโครงการ 1 หมื่นคันใน 1 ปี
*หุ้นเด่นวันนี้
- บมจ. เพเนเล่ส์มาติก โซลูชั่นส์ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า PANEL ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ราคา IPO หุ้นละ 3.68 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 699.20 ล้านบาท PANEL เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผนังบานเลื่อนกันเสียงเคลื่อนที่ ประตูกระจก ระบบทางเข้าออกอัจฉริยะ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าออกแบบตกแต่งภายในสำหรับอาคารทั่วไป ภายใต้แบรนด์ PANELES นอกจากนี้ ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยสำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มสินค้าใช้งานในสถานพยาบาลแบรนด์ MANUSA จากประเทศสเปน
- BDMS (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 35.00 บาท) กำไรสุทธิไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 3,952 ล้านบาท (+26.93%YoY, + 1.58%QoQ ) สูงกว่าเราคาด และ สูงกว่า BB Consensus(3,654 ล้านบาท,+8.15%) จากรายได้แข็งแกร่งอยู่ที่ 26,345 ล้านบาท (+ 12.22% YoY, 0.27% QoQ ) ซึ่งรายได้แม้จะไม่ใช่ High Season แต่กลับทรงตัวได้ สาเหตุจาก รายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่สูงขึ้น +18%YOY +6%QoQ (การ์ตา +92%YOY/จีน +36%YOY) ส่วนประเด็นขับเคลื่อนการดำเนินงานในช่วงถัดไปปี 67 คาดจะมาจาก 1.จำนวนเตียงที่สูงขึ้นราว 200 เตียง 2.การปรับเพิ่มโควตาประกันสังคมขึ้นเป็น 1.5 ล้านราย จากเดิม 1 ล้านราย 3.กลุ่มผู้ป่วยต่างชาติในตลาดใหม่อย่างซาอุฯจีน โดย ปัจจุบัน เราวางกำไรสุทธิปี 67 และ ปี68 ที่ 15,824 ล้านบาท ( +10.08%YoY) และ 16,983 ล้านบาท (+7.32%YoY)
- COCOCO (ลิเบอเรเตอร์) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 10.40 บาท รายงานกำไรไตรมาส 4/66 ที่ 189 ล้านบาท (+23%q-q, +134%y-y) ทำจุดสูงสุดใหม่ และมากกว่าคาด 5.6% จากยอดขายน้ำมะพร้าวที่ทำได้ดี ตามการขยายกำลังการผลิตผสานกับอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจน้ำมะพร้าว ปรับขึ้นสู่ระดับ 26.2% คาด EPS ปี 67 จะเติบโตต่อเนื่อง +39%y-y ทำจุดสูงสุดใหม่ ตามการขยายกำลังการผลิตในทุกไตรมาส จากความต้องการน้ำมะพร้าวจากจีนที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่ปัจจุบันราคาหุ้นเทรดเพียง PE 13.8 เท่า ถูกกว่ากลุ่มถึง 23%
- NEX (ดาโอ) "ซื้อ" เป้าเชิงกลยุทธ์ 10.50 บาทตอบรับบอร์ดอีวี ได้ออกมาตรการสนับสนุนการใช้รถโดยสารไฟฟ้า และรถบรรทุกไฟฟ้าในครั้งนี้ ในกรณีซื้อรถที่ผลิต/ประกอบในประเทศ สามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า NEX เป็นผู้ประกอบรถโดยสารและรถบรรทุกที่ใช้ไฟฟ้า (E-Bus + E-Truck) รายใหญ่ของไทยที่มีการส่งมอบรถให้กับลูกค้าไปแล้วราว 2 พันคัน ส่วนใหญ่เป็นรถโดยสาร(รถเมล์) แต่สายการผลิตใหม่จะเป็นรถบรรทุก+หัวลากและรถเอนกประสงค์ จะมีการผลิตมากขึ้นตามลำดับ ผลสำรวจ Bloomberg คาดกำไร 4Q ของ NEX จะอยู่ที่ 210 ล้านบาท ลดลง 35% YoY แต่เพิ่มขึ้น 217% QoQ