ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (7 พ.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเหนือระดับ 123 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 206.48 จุด หรือ 1.59% แตะระดับ 12,814.35 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 25.69 จุด หรือ 1.81% แตะระดับ 1,392.57 จุด และ ดัชนี Nasdaq ปิดลบ 44.82 จุด หรือ 1.80% แตะระดับ 2,438.49 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.28 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 5 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.29 พันล้านหุ้น
เอ็ด ปีเตอร์ส นักวิเคราะห์จากบริษัทแพนอโกรา แอสเซท เมเนจเมนท์ ในเมืองบอสตัน กล่าวว่า "ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ อีกทั้งกังวลว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอาจทำให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นและจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในที่สุด"
นักลงทุนตื่นตระหนกกับการแสดงความคิดเห็นของนายโธมัส โฮนิก ผู้ว่าการเฟดสาขาแคนซัส ซิตี้ กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังเผชิญแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ "รุนแรง" ในขณะนี้ อาจทำให้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
"เราพบว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจสหรัฐอย่างมาก ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการคุมเข้มทางการเงิน ซึ่งรวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะที่ผู้บริโภคเองก็แสดงความวิตกกังวลเรื่องเฟ้ออย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1970"
"เฟดจำเป็นต้องเตรียมพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเพื่อยับยั้งเศรษฐกิจถดถอย ภาวะตกต่ำในตลาดที่อยู่อาศัยกำลังฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ถดถอย ขณะเดียวกัน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ที่พุ่งสูงขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อสูงขึ้นด้วย" โฮนิกกล่าว
นอกจากนี้ นายโฮนิกกล่าวว่า "อัตราดอกเบี้ยในขณะนี้อยู่ในระดับที่ต่ำพอแล้ว ประกอบกับสภาคองเกรสได้ผ่านร่างมาตรการลดหย่อนภาษีและการคืนภาษี ซึ่งปัจจัยเหล่านี้น่าจะมากพอที่จะพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ ยังมีมาตรการผ่อนปรนด้านอื่นๆที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจได้ และผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เฟดจะยุติการใช้นโยบายผ่อนปรนด้านการเงิน"
เมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กทะยานขึ้น 1.69 ดอลลาร์ แตะระดับ 123.53 ดอลลาร์/บาร์เรล แม้กระทรวงสหรัฐรายงานว่าสต็อคน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
หุ้นเคลียร์ไวร์ร่วงลง 24 เซนต์ แตะระดับ 16.22 ดอลลาร์ และหุ้นสปรินท์ร่วงลง 3 เซนต์ แตะระดับ 9.16 ดอลลาร์ ส่วนหุ้นดีสนีย์ดีดขึ้น 2.9%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--