ทั้งนี้ TRUE คาดว่าจะสามารถทำกำไรภายหลังการปรับปรุง (Normlized)ได้ในปี 2567
ผลประกอบการ TRUE ในปี 2566 นับว่าประสบความสำเร็จเกินคาด ด้วยจุดแข็งที่ผสมผสานกัน ส่งผลให้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องและความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น เรายังคงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบคุณค่าและดำเนินการตามแผนบูรณาการและเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ ทำให้สามารถบรรลุเกินเป้าหมายในการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมในปีนี้ โดยความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในปีที่ผ่านมาในการนำองค์กรใหม่สู่การสร้างวัฒนธรรมและแนวทางการทำงานที่เป็นหนึ่งเดียว พร้อมทั้งผสมผสานจุดแข็งในการดำเนินงานในธุรกิจ
"ทำให้เราเชื่อว่าทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมแล้วสำหรับการเติบโตและความสามารถในการทำกำไรในปี 2567 อีกทั้งยังได้รับปัจจัยสนับสนุนทางเศรษฐกิจมหภาค เช่น การเติบโตของภาคการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ การเพิ่มขึ้นของการใช้งานข้อมูล และไลฟ์สไตล์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น"
ในไตรมาสที่ 4 TRUE ประสบความสำเร็จจากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมสุทธิ (Net Synergies) คิดเป็นมูลค่า 1 พันล้านบาท จากการดำเนินการตามแผนงานสำคัญอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลดีต่อ EBITDA และงบลงทุน (CAPEX) อีกทั้งการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยได้เกินกว่าเป้าหมาย จึงส่งผลดีทั้งการประหยัดพลังงานและค่าเช่าพื้นที่ ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการงบลงทุน (CAPEX) การรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมเป็นไปอย่างต่อเนื่องด้วยการนำเสนอการให้บริการที่รวมเทคโนโลยีด้านการสื่อสารทั้งในแบบเคลื่อนที่และประจำที่ (FMC) ที่หลากหลายเข้าด้วยกัน
ทั้งนี้ TRUE เป็นผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ครอบคลุมมากที่สุดในประเทศ โดยครอบคลุมประชากร 90% พร้อมด้วยฐานผู้ใช้บริการ 5G ที่มากสุดถึง 10.5 ล้านราย โดยเพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสที่ผ่านมา
นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) TRUE กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มจำนวนลูกค้า 5G ในปี 67 เป็น 16 ล้านราย จากปี 66 มีจำนวน 10.5 ล้านราย โดยจะลงทุนอัพเกรดโครงข่าย (Modernized & Superior Network) อีก 10,000 site จาก 2,000 site ส่วนบรอดแบนด์ เพิ่มเป็น 4 ล้านรายจาก 3.8 ล้านราย
บริษัทมั่นใจปีนี้จะกลับมาเทิร์นอะราวด์ จากโมเมนตัมผลประกอบการในไตรมาส 4/66 รวมถึงการปรับปรุงโครงข่ายเพื่อดึงให้มีผู้ใช้มากขึ้น มีผลิตภัณฑ์ดิจิทัลมากขึ้น รวมถึงรับรู้ผลบวกของการควบรวม
นอกจากนี้ คาดว่าในปี 67 Net Debt/EBITDA จะปรับตัวลงต่ำกว่า 5% โดยในไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 5.2 เท่า จากต้นปี 66 อยู่ที่ 5.7 เท่า และในปี 68 คาดว่าจะอยู่ที่ 4.5 เท่า ทั้งนี้บริษัทจะใช้ช่องทางหุ้นกู้เป็นช่องทางรีไฟแนนซ์ ซึ่งมีแผนจะออกหุ้นกู้ในครั้งถัดไปในไตรมาส 2/67 หลังม.ค.67 บริษัทประสบความสำเร็จการขายหุ้นกู้ 1.5 หมื่นล้านบาท ในปี 67 บริษัทมีหนี้ครบกำหนดชำระคืน จำนวน 7.38 หมื่นล้านบาท โดยเป็นหุ้นกู้/ตั๋วแลกเงิน 7.23 หมื่นล้านบาท นายนุกุล กล่าวว่า TRUE รายงานผลประกอบการที่มีรายได้เติบโตต่อเนื่อง และ EBITDA เติบโตขึ้นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน ในขณะที่สามารถรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม (Synergy) ในปี 2566 ได้สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้