บมจ.เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ (ONEE) เปิดเผยว่า สำหรับในปี 2567 "เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์"ยังคงมุ่งเน้นจุดยืนที่โดดเด่นของความเป็น Content Creator & Lifestyle Entertainmentและเตรียมโปรเจกต์ยักษ์อีกหลายรูปแบบที่น่าจับตามอง และเชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยบวกที่จะสร้างความเติบโตให้รายได้ในปี 2567 ทะยานสูงขึ้นด้วยกลยุทธ์ดังต่อไปนี้
1. oneD ORIGINAL- ศักราชใหม่ของคอนเทนต์ไทย" โดยปีนี้กลุ่ม "เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์" ได้ปล่อยหมัดเด็ดส่ง oneD ORIGINAL คอนเทนต์ฝีมือ คนไทย ที่ตอบโจทย์ความชอบของกลุ่มเป้าหมายทุกไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งรูปแบบและการรับชม โดยพร้อมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการรวมพลังสร้างสรรค์งานโปรดักชันที่เปี่ยมไปด้วยอรรถรสความเป็นไทย ยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์ พร้อมจัดเต็มด้วยทัพนักแสดงมากฝีมือระดับ A List ทั่วฟ้าเมืองไทย เตรียมปล่อยไลน์อัพซีรีส์ 5 เรื่อง 5 รสออกมาตลอดปี 2567 อาทิ ซีรีส์ "บางกอกคณิกา" Bangkok Blossom, ซีรีส์ "ทิชา" THICHA, ซีรีส์ "LOVE LESSON 010 แบบฝึกรัก...ไม่รู้ล้ม", ซีรีส์ "การุณยฆาต" SPARE ME YOUR MERCY และซีรีส์ "แม่หยัว" The Empress of Ayodhaya
โดยซีรีส์จาก oneD ORIGINAL จะออกอากาศพร้อมกันทางช่องone 31 ในเวอร์ชั่นTV และทางแอปพลิเคชั่น OneD ในเวอร์ชั่น Uncut
2. จับมือพันธมิตรต่างชาติระดับสากล สร้างโอกาสต่อยอดศิลปิน นอกจากนี้ "เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์"ยังมุ่งหน้าสร้างสรรค์ผลงานร่วมกับพันธมิตรต่างชาติระดับสากลเพื่อร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมบันเทิงของประเทศไทย
โดยล่าสุดในปี 2567 ได้จับมือร่วมทุนกับ Tencent Video ยักษ์ใหญ่จากประเทศจีนเพื่อผลิตรายการ CHUANG ASIA THAILAND รายการไอดอลเซอร์ไววัลที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศจีน เตรียมขยายฐานเข้าสู่ประเทศในเอเชีย โดยตั้งเป้าเริ่มออกอากาศครั้งแรกในประเทศไทยและเลือกช่องone 31 ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ เป็นช่องทางออกอากาศ นับเป็นการร่วมมือกันครั้งสำคัญของค่ายชั้นนำในธุรกิจ Entertainment เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในด้านการผลิตรายการ และการพัฒนาศิลปินหน้าใหม่ที่จะเกิดขึ้นสู่ตลาดอินเตอร์ในอนาคต โดยมี แจ็คสัน หวัง มารับหน้าที่เป็น Lead Mentor ของรายการ รวมถึงเหล่าศิลปินมากความสามารถ อย่าง ไมค์ พิรัชต์, เจฟ ซาเตอร์, เตนล์ (TEN) และ เนเน่ พรนับพัน มารับหน้าที่ Mentor ให้เด็กฝึกฝนในรายการอีกด้วย
3. ขยายฐานแฟนคลับ เชื่อมโยงคอนเทนต์เข้ากับ Lifestyle ทุกกลุ่มเป้าหมาย ส่วนกลยุทธ์ Idol Marketing ยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องและสร้างสรรค์ Content ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย มุ่งขยายฐานแฟนคลับครอบคลุมทั้งละคร ซีรีส์ รายการวาไรตี้ อาทิ รายการ "The Golden Song เวทีเพลงเพราะ" ที่ประสบความสำเร็จต่อเนื่องและต่อยอดไปสู่การจัดคอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่ฉลองครบรอบ 5 ปี หรือรายการสุดฮิต "รู้ไหมใครโสด" ที่จัดกิจกรรม "รู้ไหมใครโสด ตะลุยออฟฟิศ" ที่บุกไปปฏิบัติการตามล่าหาหนุ่มโสด-สาวโสด ที่ HOT สุดในออฟฟิศ!!
รวมไปถึง Fan meet ของศิลปินทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อาทิ งาน "GMMTV Musicon in Jakarta" ที่จัดขึ้นในเดือนธันวาคม 2566 ณ Pullman Jakarta Central Park ประเทศอินโดนีเซีย, งาน "GMMTV FANDAY IN BANGKOK" กับทัพศิลปิน 5 คู่จิ้นสุดฮอต อย่าง เอิร์ท-มิกซ์, ปอนด์-ภูวินทร์, เฟิร์ส-ข้าวตัง, จุง-ดัง, ฟอส-บุ๊ค รวมถึง JAMFILM FAN MEETING ของ 2 หนุ่ม แจม-ฟิล์ม ที่บินไปจัดงานในหลากหลายประเทศ อาทิ มาเก๊า, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น,ฮ่องกง
จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2566 ที่กล่าวมานั้นนับเป็นอีกครั้งที่สะท้อนให้เห็นการทำงานที่มีประสิทธิภาพของกลุ่มเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ (ONEE) ที่มีวิสัยทัศน์ชัดเจนรวมถึงการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ธุรกิจที่ผกผันและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตลอดเวลาของผู้ชม เพื่อสร้างโอกาสในการทำรายได้จากหลากหลายช่องทางซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจในกลุ่ม "เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์"เติบโตต่อเนื่องอย่างยั่งยืน
*ปี 66 กำไรสุทธิลดฮวบ 31.4% รับต้นทุนผลิตคอนเท้นต์สูง
ในปี 2566 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 506.6 ล้านบาท ลดลง 231.7 ล้านบาท หรือ 31.4% YoY คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 7.8% ลดลงจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิ 11.9% สาเหตุหลักจากต้นทุนขายและบริการที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจที่ทำรายได้เติบโตสูงในปีนี้เป็นธุรกิจที่ดำเนินการภายใต้กลยุทธ์ใหม่ โดยกลุ่มบริษัทกำลังปรับปรุงแนวทางการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตคอนเท้นต์คุณภาพให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งมีการปรับกลยุทธ์การบริหารควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะปรับอัตรากำไรสุทธิในปี 2567 ให้ดีขึ้นกว่าในปี 2566
กลุ่มบริษัทฯมีรายได้จากการดำเนินงานในปี 2566 เท่ากับ 6,432.2 ล้านบาท เติบโต 303.8 ล้านบาท หรือ 5.0% YoY
- ธุรกิจบริหารศิลปินและที่ปรึกษาทำรายได้ 1,020.7 ล้ำนบำท เติบโต 48.2% YoY
- รายได้จากการจัดคอนเสิร์ตและบริหารกิจกรรมในปีนี้เท่ากับ 636.5 ล้านบาทเติบโตอย่างก้าวกระโดด 111.2% YoY
- รายได้จากการขายสินค้าซึ่งเป็นสินค้าที่ระลึก(Merchandizing) เกี่ยวกับศิลปิน เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำรายได้รวมในปี66 ได้ 329.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 65 ถึง 44.8%
- รายได้จากการผลิตรายการวิทยุ ทำตัวเลขที่ 290.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสปอนเซอร์ต่างๆ กลับมาลงโฆษณาตามปกติและรายการวิทยุของบริษัท อาทิ Green Wave 106.5 , EFM 94.0 ยังคงเป็นช่องวิทยุอันดับท็อปของประเทศไทยที่ผู้ผลิตสินค้า และเอเจนซี่ต่างๆ ให้ความมั่นใจ
- รายได้จากสื่อโทรทัศน์ของบริษัท ซึ่งถือเป็นสื่อ Conventional มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนโดย ลดลงเป็น 43.5% จาก 47.2%ในปีก่อน
สัดส่วนรายได้ที่ลดลงของธุรกิจสื่อโทรทัศน์เกิดจากบริษัทมีการปรับกลยุทธ์ในการต่อยอดจุดแข็งของการเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ และการบริหารดารานักแสดงในสังกัด สำหรับการบริหารจัดการคอนเท้นต์บริษัทมีรายได้จากการขายเวลาโฆษณาสื่อโทรทัศน์และ จากการบริหารลิขสิทธิ์คอนเท้นต์ ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทยังมีรายได้ต่อเนื่องจากการบริหารศิลปินที่มีชื่อเสียงจากคอนเท้นต์ของบริษัท โดยศิลปินมีการรับงานแสดงต่างๆ งานคอนเสิร์ตและกิจกรรม งานขายสินค้าที่ระลึก งานโปรโมทแบรนด์สินค้าต่างๆ ด้วยกลยุทธ์การบริหารแบบครบวงจร ทำให้บริษัทมีแหล่งรายได้ที่หลากหลายเติบโตขึ้นเป็นฐานรองรับธุรกิจสื่อโทรทัศน์ซึ่งมีความผันผวนสูงในอนาคต
ในปี 2566 กลุ่มบริษัทฯ มีต้นทุนขายและบริการ 3,911.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 357.4 ล้านบำท หรือ 10.1% YoY ซึ่งเป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของรายได้โดยเฉพาะจากธุรกิจจัดคอนเสิร์ตและบริหารกิจกรรมซึ่งมีต้นทุนสูงทั้งในแง่ของการจัดงานและต้นทุนการจ้างศิลปินนอกจากนี้การเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตส่วนหนึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตคอนเท้นต์ซีรี่ส์และละครต่างๆ ซึ่งต้องการให้มีคุณภาพเทียบเท่าระดับสากลเพื่อกรส่งออกฉำยบนแพลทฟอร์มต่างๆ ทั่วโลก
กลุ่มบริษัทฯ ได้วำงแผนกลยุทธ์ให้กลุ่มบริษัทมี Business propositionเป็น Entertainment & Lifestyle ครบวงจร ที่มุ่งเน้นการสร้างรายได้จากหลากหลายช่องทางจากความเชี่ยวชาญในหลากหลายสาขาของกลุ่มบริษัท โดยการสร้างสรรค์งานคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์และครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการที่จะเป็นแกนสร้างรายได้ทั้ง TV, Online, Copyright & Licensing และ Production Services ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของกลุ่มบริษัท
พร้อมด้วยธุรกิจ Idol Marketing ที่มีแผนพัฒนำศิลปินรวมถึงกำรสร้างศิลปินหน้าใหม่เป็น Idol Marketing และ Showbiz ที่ครอบคลุมทั้ง การจัด Event, Fanmeet อย่างครบวงจร ซึ่งจากโครงสร้างธุรกิจที่กล่าวมา บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถเชื่อมโยงจุดเด่นของกลุ่มบริษัทให้เข้ากับเทรนด์ของอุตสาหกรรมและเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมายทั้งเพื่อสร้างการเติบโตของรายได้ในทุกช่องทาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ