นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยในช่วงตลาดหุ้นไทยปิดทำการในวันหยุดที่ผ่านมายังไม่มีปัจจัยใหม่ ทำให้ภาพรวมของตลาดยังไม่ปัจจัยที่เข้ามากระทบทั้งเชิงบวกและลบ ขณะที่สัปดาห์นี้ติดตามการายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนม.ค.ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งจะมีผลต่อการคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ส่วนเช้าวันนี้ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เปิดมาบวกและลบสลับกัน โดยยังคงไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ทำให้ภาพในช่วงนี้ยังคงเป็นการแกว่งตัวในกรอบ
โดยให้แนวต้าน 1,410 จุด แนวรับ 1,380 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (26 ก.พ.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,069.23 จุด ลดลง 62.30 จุด หรือ -0.16%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,069.53 จุด ลดลง 19.27 จุด หรือ -0.38% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,976.25 จุด ลดลง 20.57 จุด หรือ -0.13%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,645.63 จุด เพิ่มขึ้น 10.89 จุด หรือ +0.07% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,966.42 จุด ลดลง 10.6 จุด หรือ -0.36% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 39,260.78 จุด เพิ่มขึ้น 27.07 จุด หรือ +0.07%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 ก.พ.) ที่ 1,398.14 จุด ลดลง 4.33 จุด (-0.31%) มูลค่าซื้อขาย 48,385.71 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,831.55 ล้านบาท (23 ก.พ.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. (26 ก.พ.) เพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ หรือ 1.43% ปิดที่ 77.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ก.พ.) อยู่ที่ 7.15 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.95 ตลาดรอปัจจัยใหม่-จับตาทิศทาง Flow ช่วงสิ้นเดือน
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) นัดชี้แจงมติคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ได้เห็นชอบในหลักการเรื่อง "มาตรการยกระดับความเชื่อมั่นเรื่อง short selling และ program trading รวมถึงมาตรการเพิ่มการเปิดเผยข้อมูลแก่สาธารณชน" ในวันนี้ (27 ก.พ.) เวลา 12.30-13.30 น.
- ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (เฟทโก้) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ยังมีความผันผวนต่อเนื่อง แต่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ อยากให้จับตาอย่างใกล้ชิดเพราะดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะฟื้นตัวแรง จากสถานการณ์ดอกเบี้ยทั่วโลกกลับสู่ขาลง โดยเฉพาะดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้ส่งผลดีกับเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมาก
- ส.อ.ท.เกาะติดการค้าชายแดนไทยปี 2567 ที่ยังคงมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องหลังปี 2566 ค้าขายแดน 4 ประเทศเพื่อนบ้านลดลง 12.06% จาก ศก. เพื่อนบ้านชะลอ ความไม่สงบในเมียนมา แถมเจอสินค้าจีนเข้าตีตลาดอาเซียน และปัญหาโลจิสติกส์ พร้อมเร่งช่วยเหลือนักลงทุนไทยในเมียนมาหันใช้สกุลเงินบาทลดความเสี่ยง จับตาสินค้าไปตะวันออกกลางอาจกระทบหลังค่าระวางเรือขึ้นรายวัน
- "ธนาคารโลก" เปิดรายงานพบสูงวัยทำโครงสร้างตลาดแรงงานไทยเสียหาย ต้นเหตุฉุดจีดีพีต่อหัวลดลง 0.86% เหตุแรงงานสูงวัยทำรายได้ลดลง ส่งผลคุณภาพชีวิตตกต่ำ แนะแก้ปัญหาเชิงนโยบายดึงแรงงานสตรี ต่างด้าว เสริมทัพ พร้อมยกระดับทักษะคนรุ่นใหม่ใช้เทคโนโลยี ส.อ.ท.เสนอเพิ่มผลิตภาพแรงงานเป็นวาระแห่งชาติ
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPALL (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้าใหม่ 74 เดิม 65 บาท มีกำไรจากการดำเนินงานปกติไตรมาส 4/66 ที่ 5.6 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 32%qoq และ 93%yoy มากกว่าที่เราและ BB Consensus คาดไว้ 14% และ 16% เพื่อสะท้อนเทรนด์ของรายได้และ GPM ที่ดีขึ้นเราปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ขึ้น 10% เป็น 22,582 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 24.5%yoy
- ERW (อินโนเวสท์ เอกซ์) ซื้อเก็งกำไรวันนี้ไม่เกิน 4.88 บ. ไตรมาส 4/66 กำไรสุทธิดีเกินคาด และปี 2567 คาดกำไรเติบโต 10%YoY ขณะที่ราคาหุ้น ERW ปรับลงมาแล้ว 8% จากจุดสูงสุดเมื่อไม่นานนี้ มองว่าราคาหุ้นตอนนี้มี risk/reward น่าสนใจ เทรดที่ EV/EBITDA 67F ระดับ 11 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต
- SISB (กสิกรไทย) "ซื้อ" เพิ่มราคาเป้าหมายสิ้นปี 67 เป็น 45.11 บาท จาก 39.26 บาท จากการปรับเพิ่มประมาณการกำไรและปรับอัตราเติบโตสุดท้ายในสมมติฐาน DCF จาก 4% เป็น 5% กำไรปกติไตรมาส 4/66 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 211 ลบ. (+64% YoY และ +36% แห่งอนาคต (เดิม QoQ) ดีกว่าที่เราคาดไว้ 14% จากรายได้ที่สูงกว่าคาดและ SG&A ที่น้อยกว่าคาด 39.26) ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 67/68/69 ขึ้น 6.2%/5.4%/4.6% จากโมเมนตัมกำไรที่ดีขึ้นเนื่องจากเราคาดว่ากำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง