นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีแพนแนล (CPANEL) เปิดเผยว่า ในปี 67 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ 20% จากการรับรู้รายได้จากปริมาณงานมือ (Backlog) ที่ล่าสุดมีมูลค่า 1,565.47 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 654.12 ล้านบาท และที่เหลือทยอยรับรู้รายได้ในปี 68 ขณะที่บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูงเพื่อเข้ามาเพิ่ม Backlog อย่างต่อเนื่อง
ในปีนี้บริษัทจะใช้ลงทุนก่อนใหญ่ราว 500 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตโรงงานเดิม พร้อมเปิดโรงงานผลิตแห่งที่ 2 ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทจะมีกำลังการผลิตรวม 2 ล้านตารางเมตรต่อปี จากกำลังการผลิตปัจจุบันที่ 7.9 แสนตารางเมตรต่อปี จะเพิ่มอีก 25% เป็น 9.9 แสนตรารางเมตรในโรงงานเดิม และโรงงานแห่งใหม่ที่อยู่ระหว่างติดตั้งเครื่องจักร คาดเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในไตรมาส 1/67 ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ยอดขายเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
นอกจากนี้โรงงานแห่งที่ 2 จะช่วยเพิ่มศักยภาพบริหารจัดการควบคุมต้นทุนการผลิตและการขายได้ดีขึ้น เพราะกระบวนการผลิตจะเร็วกว่าเดิม 30% ใช้แรงงานคนน้อยกว่าเดิม รวมทั้งค่าบริหารจัดการและบุคลากรในกระบวนการผลิต จากเดิม 15% ของรายได้ ลดลงเหลือ 7% อีกทั้งกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็นการเพิ่มโอกาสในการรับงานมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและงานจากภาครัฐที่เริ่มเข้ามาเพิ่มขึ้น
"ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 67 แม้จะมองว่ายังคงเผชิญความท้าทาย ทั้งหนี้ครัวเรือนและอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง นโยบายการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อสินค้าคงทน (Durable goods) ลดลง แนวโน้มของโครงการก่อสร้างในปัจจุบันจึงมีลักษณะขายก่อนสร้างทีหลัง ทำให้ผู้ประกอบการที่ยังลงทุนพัฒนาโครงการต่างๆ ต้องการความรวดเร็วในการส่งมอบงานให้กับลูกค้า เพื่อลดความเสี่ยงในการสต็อกบ้าน ลดค่าแรงงานที่มีแนวโน้มปรับตัวสูง อีกทั้งสามารถรักษา Working Cap ได้ ดังนั้น Precast Concrete สามารถตอบโจทย์ได้ดี ถือเป็นโอกาสของบริษัท และเชื่อว่าจากปัจจัยเกื้อหนุนดังกล่าวจะผลักดันให้ผลประกอบการปี 67 เติบโตได้ตามแผนที่วางไว้" นายชาคริต กล่าว
โดยมาตรการเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ในไทยที่ทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชนปรับเปลี่ยนการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายและแนวทาง Net Zero คาดว่าในอนาคตอาจะมีกฎหมายบังคับใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งเป็นผลบวกต่อการดำเนินงานของบริษัท เนื่องจากบริษัทได้ใบรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. (TGO) ทำให้สามารถออกรายการคำนวณคาร์บอนให้กับลูกค้าได้ด้วย ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจชื้อของลูกค้า และกระตุ้นให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ปรับเปลี่ยนวัสดุก่อสร้างให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ แนวโน้มค่าก่อสร้างในปีนี้น่าจะสูงขึ้น จากข้อกฎหมายใหม่คือบ้านต้องรับน้ำหนักผู้ใช้ชีวิตสูงขึ้นอีก 30% จากน้ำหนักของภายในบ้านที่มากขึ้น ทำให้ต้องออกแบบโครงการบ้านให้รองรับน้ำหนักได้เพิ่มขึ้นและมีผลต่อต้นทุน ทำการการก่อสร้างบ้านแบบดั้งเดิมแพงขึ้นอย่างน้อย 5% รวมทั้งนโยบายการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งเมื่อมีแรงกดดันในอุตสาหกรรมก่อสร้างชัดเจน อาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนจากการก่อสร้างแบบดั้งเดิม (Conventional Construction) มาเป็น Precast มากขึ้นเพื่อลดภาระต้นทุนและเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายใหม่ด้วย ซึ่งจะหนุนการเติบโตของบริษัทที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete)