นายต่อลาภ ไชยเชาวน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD กล่าวว่า แผนธุรกิจในปี 67 บริษัทวางยุทธ์ผ่านการขับเคลื่อน 4 Key Success Factors ได้แก่ 1.การรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ 2.การหาลูกค้ารายใหม่เพิ่มเข้ามา 3.การควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวดเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร และ 4.การลงทุนในนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์การขายสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลให้บริษัทฯ เทิร์นอะราวด์ต่อเนื่องจากปีก่อน
จากกลยุทธ์ดังกล่าวจะสร้างผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้มีทิศทางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ จะเน้นรักษาฐานลูกค้าเดิมที่มีศักยภาพในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกเดือน ควบคู่กับการขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยปัจจุบันบริษัทมีกลุ่มลูกค้ารายใหม่ซึ่งเป็นเจ้าตลาดรายใหญ่ที่มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในตลาดอยู่แล้วจะมาผลิตที่ DOD จำนวน 5 ราย โดยกลุ่มลูกค้าดังกล่าวเตรียมออกผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อจำหน่าย ในตลาดเร็วๆนี้ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกค้ารายขนาดกลางที่มีศักยภาพในการสร้างยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่สูง อีกกว่า 10 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจาและพัฒนาสูตรร่วมกับบริษัทฯ เพื่อออกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเร็วๆ นี้เช่นเดียวกัน
บริษัทตั้งเป้ายอดขายในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้กับกลุ่มลูกค้ารายใหม่เฉลี่ยไตรมาสละ 30 ล้านบาท โดยออเดอร์ดังกล่าวไม่รวมยอดการสั่งผลิตซ้ำของลูกค้าเดิม (Repeats) ซึ่งทยอยเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยในปีนี้บริษัทมีแผนลงทุนขยายไลน์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพิ่มในรูปแบบกัมมี่ (Gummies) เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนในการซื้อเครื่องจักรกว่า 10 ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์รูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้มีความหลากหลายขึ้น เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบกัมมี่เป็นเทรนที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น หากบริษัทฯ เพิ่มไลน์ผลิตในรูปแบบดังกล่าวเข้ามาจะส่งผลการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของ DOD มีไลน์การผลิตครบทุกรูปแบบในทุกประเภท ทั้งซอฟเจล แคปซูล เจล เจลลี่ ผงชงดื่ม สารสกัดน้ำเข้มข้น ซอฟเจล ตอกเม็ด โพรไบโอติค ซองกรอกปาก และ กัมมี่ ซึ่งตอบโจทย์การเป็นผู้นำด้านการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชั้นนำของประเทศไทยที่ครบวงจร ภายใต้มาตรฐานและศักยภาพการผลิตระดับเดียวกับการผลิตยา
สำหรับ"ออสเวลไลฟ์" หรือ AWL ในปี 67 บริษัทฯ ยังคงเน้นดูแลรักษาตัวแทนเดิมที่มีอยู่ ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 1,000 ราย ขณะเดียวกันเตรียมนำเข้าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเกี่ยวกับผู้สูงอายุ จำนวน 2 SKU จากประเทศออสเตรเลียมาจำหน่ายภายในไตรมาสแรกของปีนี้
สำหรับผลประกอบการปี 66 บริษัทปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจตั้งแต่ช่วงต้นปีสะท้อนถึงความสำเร็จด้านผลการดำเนินงานสามารถเทิร์นอะราวด์ได้ตามแผนที่วางไว้ มีรายได้จากการขายที่ระดับ 678 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากปีก่อน และกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 87% จากปีก่อน ส่งผลให้พลิกกลับมามีกำไรจากการดำเนินงาน 15 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 7 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 406 ล้านบาท
ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในปี 66 มาจาก 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.งบเดี่ยวของ DOD มีผลกำไรสุทธิที่ 31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 65 ที่มีผลขาดทุนสุทธิที่ 314 ล้านบาท เนื่องจากมีรายการพิเศษเป็นการตั้งสำรองหนี้ของลูกค้ารายใหญ่ โดยในปี 66 บริษัทฯ มีการปรับกลยุทธ์ด้วยการหาลูกค้ารายใหม่เข้ามาส่งผลให้มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และกำไรจากการดำเนินงานเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดที่ระดับ 161% จากปีก่อน
2.การเข้าลงทุนซื้อกิจการใน AWL โดย DOD ถือหุ้น 89.29% ของหุ้นทั้งหมด โดยดำเนินธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์วิตามินและอาหารเสริมที่ผลิตในประเทศออสเตรเลีย ภายใต้แบรนด์ "Auswelllife" ซึ่งบริษัทฯ เป็นเพียงรายเดียวในตลาดที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์วิตามินอาหารเสริมคุณภาพสูง "AWL" ในประเทศไทย ซึ่งการเข้าไปลงทุนดังกล่าวส่งผลให้มีกำไรเข้ามาทันที
"ในอดีตที่ผ่านมารายได้เกือบทั้งหมดของ DOD มาจากการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภท OEM นับตั้งแต่ปี 66 เป็นต้นไป โครงสร้างรายได้ของ DOD เปลี่ยนไป โดยรายได้หลักจะมาจากธุรกิจที่บริษัทฯ เข้าไปลงทุน ออสเวลไลฟ์ ซึ่งเป็นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพรีเมียมนำเข้าจากออสเตรเลีย ซึ่งหนุนให้ภาพรวมของ DOD ทั้งปีพลิกเป็นผลกำไรสุทธิได้ทันที"