นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บมจ.พราว เรียล เอสเตท (PROUD) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาส 1/67 แนวโน้มดี ภาคการท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัวส่งผลดีกับบริษัทค่อนข้างมาก เนื่องจากกลุ่มกำลังซื้อต่างชาติซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายของบริษัท มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย และที่พักระยะยาว รวมถึงบ้านพักตากอากาศเพิ่ม ส่งผลให้โครงการในกรุงเทพฯ และโครงการในหัวหินของบริษัท ได้รับความสนใจจากต่างชาติในระดับที่น่าพอใจ
บริษัทจึงเดินหน้าปรับกลยุทธ์การตลาดและการขายอย่างต่อเนื่องเพื่อชูความพิเศษของโครงการ พร้อมเชื่อมโยงกับความต้องการที่หลากหลาย ทั้งเพื่อการลงทุนและเพื่ออยู่อาศัยเองด้วยความพิเศษที่มากกว่าตามคำมั่นสัญญาของแบรนด์ "More Than Just Living" อีกทั้งยังเร่งจัดโปรโมชั่นราคาพิเศษ พร้อมแพคเกจของขวัญหลากหลายรูปแบบ เพื่อดึงดูดความสนใจและความต้องการ (Demand) ในการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และที่พักตากอากาศโดยเฉพาะจากกลุ่มนักท่องเที่ยวในหัวหินระหว่างเทศกาลปีใหม่ และวันสำคัญต่างๆ ช่วงต้นปี
สำหรับผลประกอบการปี 2566 บริษัทมีรายได้ 1,534 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,110 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 102 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 229 ล้านบาท ทั้งนี้ ในส่วนของผลประกอบการที่ลดลงในปี 2566 เกิดจากการรับรู้รายได้ที่ลดลง จากการโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการ InterContinental Residences Hua Hin ในส่วนที่เหลือ ซึ่งปัจจุบันมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) 112 ล้านบาท คิดเป็น 3% หรือเพียง 6 ยูนิต ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดโครงการได้ในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนธันวาคม 2566 บริษัทเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโครงการ Nue Cross Khu Khot Station เข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการรับรู้รายได้เร็วกว่าเป้าที่ตั้งไว้
บริษัทยังคงเดินหน้ากลยุทธ์พัฒนาโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย ให้สอดรับกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงจัดกิจกรรมทางการตลาดช่วยกระตุ้นยอดขายอย่างสม่ำเสมอ โดยโครงการที่อยู่ระหว่างการขายแบ่งเป็น โครงการแนวราบ 1 โครงการได้แก่ โครงการ VI Ari (วี อารีย์) โครงการแนวสูง 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ VEHHA Hua Hin (เวหา หัวหิน) โครงการ ROMM Convent (รมย์ คอนแวนต์) และโครงการ NUE District R9 (นิว ดิสทริค อาร์ 9) ซึ่งจะเป็นคีย์สำคัญในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวม 11,288 ล้านบาท เพื่อทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปี 2567-2569
บริษัทยังคงมั่นใจในเสถียรภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง เดินหน้าลงทุนซื้อที่ดินแปลงใหม่โซนราชพฤกษ์ เพื่อพัฒนาโครงการใหม่มูลค่าโครงการโดยประมาณ 3,700 ล้านบาท ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดกำลังซื้อสูง เพื่อรักษาระดับผลประกอบการให้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ