นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) เปิดเผยว่าในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 400 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ GPS Tracking และงาน IoT Solutions ทั้งการเปิดศูนย์ DTC SHOP เพิ่ม การรับงานจากโครงการของภาครัฐ การพัฒนาระบบ AI และมีแผนที่จะนำโมเดล GPS Tracking และงาน IoT Solutions ไปขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV พร้อมทั้งมีแผนที่จะเพิ่มโอกาสทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักในรูปแบบ M&A กับบริษัทฯ ที่มีผลงานที่ดีต่อเนื่อง คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้จึงมั่นใจว่าปัจจัยเหล่านี้จะสนับสนุนให้รายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อนนิวไฮต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 2567 ยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง จากการขยาย DTC SHOP เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายย่อย กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าและรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายเปิดให้บริการเพิ่มอีก 20 แห่งภายในปีนี้ จากเดิมที่เปิดให้บริการแล้ว 9 แห่ง
ในส่วนของงานด้าน IoT Solutions และระบบ AI บริษัทฯ วางแผนทำโครงการ Smart City Solution,Smart AI Solution ให้กับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความสนใจ ปัจจุบันได้รับงานโครงการระบบ AI เพื่อบริหารจัดการเครื่องสูบน้ำ ของสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร สำหรับระบบ BAMS (Business Activity Management System) เปิดให้บริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว มีจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการ 45 บริษัท
นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการขอ Certificate IATF 16949 ระบบมาตรฐานการจัดการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับผู้ผลิตยานยนต์ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/67 และสามารถเริ่มงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ได้ในทันที รวมถึงความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ กับ บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) จะสามารถเริ่มงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ได้ในปี 2568 ส่วนบริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) ขณะนี้เริ่มมีการติดตั้งอุปกรณ์ GPS Tracking ให้กับรถขนส่งสินค้า ในกลุ่มของ บริษัทบุญรอดฯ และมีความร่วมมือในการทำงานโครงการของหน่วยงานภาครัฐ
ผลการดำเนินงานรวมประจำปี 2566 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566) มีกำไรสุทธิ 99.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.65% เทียบกับปีก่อน มีกำไรสุทธิ 51.98 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่ และมีรายได้รวม 729.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.70% เทียบกับปีก่อน มีรายได้รวม 641.59 ล้านบาท ปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นมาจากรายได้จากการขายและให้บริการ ทั้งการใช้ระบบติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking) และงานโครงการของภาครัฐ
"ผลการดำเนินงานของปี 2566 เติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากธุรกิจการขนส่ง การท่องเที่ยวเริ่มกลับมาดีขึ้นตามปกติ อีกทั้ง ยังสามารถส่งมอบงานจากโครงการ ทั้งในส่วนของงานภาครัฐและเอกชนได้ตามกำหนด รวมถึงบริหารจัดการต้นทุน และค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ในแง่ของรายได้และกำไรสุทธิเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด" นายทศพล กล่าว