บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เข้าสู่การฟื้นตัวรอบใหญ่ รับปัจจัยบวกเพียบ ทั้งกำลังการผลิตในมือที่จะเพิ่มขึ้น จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนประเทศอินเดีย และยังที่มีโอกาสที่กำลังการผลิตใหม่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี ตามการเปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้าของประเทศอินเดีย รวมถึงการเปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้าในไทย ขณะที่ปริมาณการขายไฟฟ้าลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) ปีนี้ยังเติบโตได้ YoY อีกทั้ง GPSC จะเริ่มรับรู้กำไรจากธุรกิจแบตเตอรี่ EV ในปี 67 ซึ่งจะหนุนต่อผลประกอบการฟื้นตัวได้ในทุกไตรมาส (QoQ) และกำไรทั้งปีเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) กรุงศรี พัฒนสิน ซื้อ 65.00 บัวหลวง ซื้อเก็งกำไร 65.00 ดาโอ ซื้อ 60.00 ธนชาต ซื้อ 58.00 เคจีไอ ซื้อ 58.50 หยวนต้า ซื้อ 57.00
นายศรชัย พิทยาพฤกษ์ นักวิเคราะห์อาวุโส กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี บล.กรุงศรี พัฒนสิน มองบวก GPSC จากการที่บริษัทเพิ่มกำลังการผลิตในมือเป็น 9,315 เมกะวัตต์ (MWe) จาก 8,941 MWe ในไตรมาสก่อน โดยตัวที่เพิ่มขึ้นมาราว 400 MWe มาจาก Avaada (AEPL) เป็นหลัก ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าในประเทศอินเดีย ตามการเปิดประมูลอย่างต่อเนื่องทุกปี และน่าจะมีต่อเนื่องไปจนถึงปี 71 (ปี 2028) ซึ่งบริษัทคาดจะมีการเปิดประมูลพลังงานหมุนเวียนเฉลี่ย 50,000 เมกะวัตต์ต่อปี ถือว่าค่อนข้างเยอะ
โดย Avaada ถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักของอินเดีย คาดว่าจะได้เพิ่มขึ้นทุกๆ 100 MWe ในอนาคต และน่าจะสร้าง Upside ต่อราคาเป้าหมายปี 67 ราว 2.30 บาท/หุ้น หรือราว 4% การจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ (COD) คาดว่าจะอยู่ในช่วงปี 68 เป็นต้นไป เนื่องจากเป็นโครงการโรงไฟฟ้าที่เพิ่งได้มา
นอกจากนี้ GPSC คาดปริมาณการขายไฟฟ้าลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) ในปีนี้ยังเติบโตได้ YoY จากแผนการปิดซ่อมโรงงานของกลุ่มลูกค้าลดลง เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งใกล้เคียงกับที่เราได้ประเมินไว้
ส่วนการปรับสัญญาขายไฟให้กับลูกค้า IU จากปัจจุบันจะลิงก์กับค่า ft บริษัทฯ มีความพยายามจะปรับให้เป็น gas-link หรือให้ลิงก์กับต้นทุน มีการเลื่อนแผนเพิ่มสัดส่วนสัญญาดังกล่าวออกไป ทำให้สัดส่วนที่จะเพิ่มเป็น 25% จากปัจจุบัน 15% ภายในปีนี้ ไปเป็นปี 68 แทน ทำให้เรามองเป็นบวกมากขึ้น สะท้อนบริษัทไม่ได้เร่งทำมาก ขณะที่ภาครัฐจะปรับค่า ft ลงช้ากว่าต้นทุนพลังงาน เพราะต้องนำเงินส่วนหนึ่งไปคืนภาระคงค้างให้กับ EGAT เราจึงมองเป็นปัจจัยบวกที่สอง
สำหรับประเด็นอื่นๆ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นโครงการระหว่างรอ COD, การเปิดประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศ รวมถึงโครงการแบตเตอรี่ ยังคงมุมมองเดิมทั้งหมด
ทั้งนี้ เรายังคงมุมมองกำไรปกติปี 67 ไว้ที่ 6,561 ล้านบาท เติบโต 82% YoY จากอัตรากำไรการขายไฟฟ้าให้ลูกค้า IU ฟื้นตัว หลังต้นทุนพลังงานลดลงเร็วกว่าค่าไฟฟ้า และแรงหนุนจากการรับรู้กำไรโรงไฟฟ้าที่ทยอย COD ในปี 66 เต็มปี และปี 67 กำลังการผลิตในมือเพิ่มขึ้น จาก Avaada, CFXD, SPP replacement
เลือก GPSC เป็น Top Pick จากมองว่าได้ประโยชน์ในช่วงที่อัตรากำไรขายไฟฟ้าลูกค้า IU เป็นขาขึ้น และยังมีสัดส่วนการขายไฟฟ้าลูกค้า IU มากที่สุดในกลุ่ม
ด้าน บล.บัวหลวง มีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 67 ของ GPSC มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อ จากสถานการณ์ราคาไฟฟ้าและก๊าซมีทิศทางที่ดีขึ้น, การ COD ของกำลังผลิตใหม่, การจ่ายไฟฟ้าจาก XPCL ที่มากขึ้น, และอุปสงค์ไฟฟ้าที่ดีขึ้น
- ในระยะยาว GPSC มองโอกาสที่จะปรับสัญญาไฟฟ้าลูกค้านิคมอุตสาหกรรม (IU) จาก Ft-link ไปเป็น gas-link มากขึ้น จากที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 15% ของสัญญา IU ทั้งหมด
- AEPL คาดว่าจะมีส่วนแบ่งกำไรมากกว่า 400 ล้านบาทในปี 67 โดยจะ COD เพิ่มราว 6GW ภายใน 2 ปี ส่งผลให้ GPSC มีสัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนมากกว่า 50% ในปี 68
- GPSC จะเริ่มรับรู้กำไรจากธุรกิจแบตเตอรี่ EV ในปี 67 จาก NV Gotion (SOP ไตรมาส 4/66) และ Axxiva (SOP ไตรมาส 2/67)
ประเมินแนวโน้มผลประกอบการปีนี้ที่น่าจะฟื้นตัว QoQ ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/67 (H1/67 จากแนวโน้มราคาไฟฟ้าที่ดีขึ้นและไตรมาส 3/67 จากผลประกอบการที่ดีขึ้นของ XPCL) น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ในระยะสั้น
ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้ม GPSC ไตรมาส 1/67 ฟื้นตัว QoQ จากราคาขายไฟฟ้าสำหรับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้นตามค่าไฟฟ้าที่ 4.18 บาท/หน่วย, ต้นทุนเชื้อเพลิงลดลง, ค่าใช้จ่ายกลับสู่ระดับปกติ
สำหรับช่วงที่เหลือของปี คาดอัตรากำไรของธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP ปรับตัวขึ้น สอดคล้องราคาพลังงานในตลาดโลกลดลงหลังผ่าน High Season ในฤดูหนาว,การเร่งผลิตก๊าซในอ่าวไทยช่วยลดสัดส่วนนำเข้า LNG ที่ราคาสูง, ทิศทางค่าไฟฟ้าประคองตัว เพื่อลดภาระค่าเชื้อเพลิงคงค้างของผู้ผลิตไฟฟ้า, การปิดซ่อมบำรุงลดลง, รับรู้กำลังผลิตใหม่จากโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง คงประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ที่ 5.3 พันล้านบาท (+45%YoY)
ปัจจุบันซื้อขายบน PER ที่ 19.9 เท่า(-0.8SD) และ PBV ที่ 1.3เท่า(-1.0SD) เมื่อเทียบกับคู่แข่งหุ้นมีความน่าสนใจจากศักยภาพการเปลี่ยนสูตรค่าไฟฟ้าเป็น Gas Link เนื่องจากลูกค้าหลักเป็นอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งราคาผลิตภัณฑ์เคลื่อนไหวสอดคล้องราคาก๊าซธรรมชาติ ทำให้เป็นการทำ Natural Hedge ได้ประโยชน์แบบ Win-Win โดยสูตรราคา Gas Link จะทำให้กำไรของ GPSC มีเสถียรภาพ และลดผลกระทบจากนโยบายแทรกแซงค่าไฟ คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 57.00 บาท โดยราคาเป้าหมายมี Upside จากการ Re-rating Valuation ขึ้น เพื่อสะท้อนทิศทาง Bond Yield ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว