ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเหนือระดับ 123 ดอลลาร์/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ถอยร่นลงจากระดับสูงสุดของวัน เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์ก
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 45.8 จุด แตะระดับ 6,261.0 จุด
ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 123 ดอลลาร์/บาร์เรล ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานทะยานขึ้น โดยหุ้นบีพีดีดขึ้น 8 เพนซ์ แตะระดับ 618 เพนซ์ หุ้นบีจี กรุ๊ปพุ่งขึ้น 20 เพนซ์ แตะระดับ 1370 เพนซ์ และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ทะยานขึ้น 26 เพนซ์ แตะระดับ 2063 เพนซ์
เนชั่นไวด์ บิลดิ้ง โซไซตี้ ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของอังกฤษเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของอังกฤษในเดือนเม.ย.ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยตกต่ำลงและค่าครองชีพสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายผู้บริโภค
นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางอังกฤษซึ่งจะมีขึ้นในเวลา 18.00 ตามเวลาประเทศไทยในวันนี้ โดยมีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งกระแสคาดการณ์ดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น โดยหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ดีดขึ้น 0.3% หุ้นธนาคาร HSBC ดีดขึ้น 1.2% หุ้นธนาคารลอยด์ส ทีเอสบี ทะยานขึ้น2.4% และหุ้น HBOS พุ่งขึ้น 3.9%
ก่อนหน้านี้ ฮาลิแฟ็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มธนาคาร HBOS เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษร่วงลง 1.3% ในเดือนเม.ย. โดยราคาบ้านปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากเดือนมี.ค.ที่ดิ่งลง 2.5%
ราคาบ้านที่ร่วงลงในเดือนเม.ย.ได้กดดันให้อัตราการขยายตัวของราคาบ้านอยู่ในแดนลบเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี โดยราคาบ้านร่วงลงไป 0.9% ซึ่งเป็นผลมาจากยอดการทำธุรกรรมซื้อขายบ้านกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงอย่างมาก
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--