ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค (BLC) กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมยาปี 67 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 6-7% ต่อปี โดยมีปัจจัยการขับเคลื่อนหลักคือ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย การที่ประชากรมีค่าเฉลี่ยอายุที่ยาวขึ้น รวมทั้งการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ส่งผลให้ความต้องการใช้ยารักษาโรคยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้ปี 67 เติบโต 200 ล้านบาทจากปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยจาก
1) การวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ บริษัทฯ วางเป้าหมายการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญ ยาสามัญใหม่ และผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสมุนไพรไทย อย่างน้อย 5 รายการ โดยไตรมาสแรกได้วางแผนจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพสำหรับผู้หญิงในรูปแบบ Shot Drink แบรนด์ Kachalis
2) ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยภายในประเทศบริษัทฯ มุ่งขยายสู่ช่องทาง e-Commerce เช่น Shopee Lazada และ TikTok shop ด้านตลาดต่างประเทศมุ่งเน้นการส่งออกไปยังประเทศใน CLMV และแถบตะวันออกกลาง
3) การสร้าง Brand Awareness เพื่อสร้างการรับรู้ของผลิตภัณฑ์ไปสู่กลุ่มลูกค้า B2B และ B2C โดยมุ่งเน้นการทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ของ BLC เป็น Top of mind ที่กลุ่มลูกค้าจะนึกถึงเป็นลำดับแรก
4) ความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทฯ มีแผนร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทจากประเทศญี่ปุ่น โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ ในอุตสาหกรรมยา ผสานกับความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมของพันธมิตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 4/66 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 395.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.20% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 50.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.01% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการทำ Brand Awareness ผ่านการออกบูธให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ การรับรู้รายได้จากการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์รักษาอาการผมร่วงในช่วงปลายปี 66 รวมถึงการขยายช่องทางการจำหน่ายไปสู่ Modern trade และ e-Commerce และรายได้จากการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะฮ่องกง และกลุ่มประเทศ CLMV
ดังนั้น จึงส่งให้ผลการดำเนินงานปี 66 มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 1,406.20 ล้านบาท เติบโต 13.50% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 1,238.5 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 150.80 ล้านบาท เติบโต 16.30% จากปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 129.70 ล้านบาท