นายเอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ (SJWD) กล่าวว่า บริษัทมุ่งผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญต่อเนื่องในปีนี้ โดยแนวโน้มการดำเนินงานไตรมาส 1/67 คาดว่าจะธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นจะมีดีมานด์จัดเก็บอาหารทะเลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจจัดเก็บและบริหารยานยนต์ได้รับผลดีจากความต้องการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่กำลังขยายตัว ขณะที่ธุรกิจคลังสินค้าทั่วไปมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาทดแทนลูกค้ารายเดิมเป็นที่เรียบร้อย
นอกจากนี้ บริษัทฯ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร ลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพื่อเพิ่มอัตรากำไร และพัฒนาการให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนรูปแบบใหม่ๆเพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 4/66 สามารถทำกำไรสุทธิ 260.8 ล้านบาท เติบโตอย่างแข็งแกร่ง 86.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 6,378.4 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า ปัจจัยหลักมาจากการมุ่งปรับโครงสร้างการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นภายหลังรวมกิจการแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาส 4/66 เพิ่มขึ้นเป็น 14.7% และ 4.1% ตามลำดับ จากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 12.46% และ 2.2% ตามลำดับ
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2566 มีรายได้รวม 23,979.0 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 761.3 ล้านบาท ภายหลังรวมกิจการและงบการเงินของบริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SCGL) และได้ผสานความร่วมมือเพื่อขยายธุรกิจและเพิ่มศักยภาพบริหารต้นทุน
ธุรกิจให้บริการจัดเก็บและบริหารยานยนต์มีรายได้ไตรมาส 4/67 เติบโตอย่างโดดเด่นและทำสถิติสูงสุดใหม่ติดต่อกันทุกไตรมาสในปีนี้ โดยมีรายได้ 340.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.0% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากมีปริมาณการจัดเก็บและขนส่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จากการขยายงานและผู้ประกอบการยานยนต์เร่งส่งมอบรถภายหลังงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ขณะที่ธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นมีรายได้ 292.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากมีความต้องการจัดเก็บปลาทูน่าและอาหารทะเลเพิ่มขึ้น หลังจากเกิดปรากฏการณ์ลานีญ่า ทำให้ชาวประมงสามารถจับสัตว์ทะเลได้มากขึ้น