นางสาวปณิตา ควรสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทฯ เดินหน้าจัดระเบียบโครงสร้าง 4 ธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจถ่านหิน ธุรกิจโลจิสติกส์ พลังงานยั่งยืน ธุรกิจ Human Solutions เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมตั้งเป้าอัตราการเติบโตรายได้ในปีนี้แตะที่ระดับ 15,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบจากปีก่อน
ธุรกิจถ่านหิน ตั้งเป้าปริมาณยอดขายถ่านหินที่ระดับ 4.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่อยู่ในระดับ 3.7 ล้านตัน พร้อมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนโดยการสต๊อกสินค้าถ่านหินในราคาที่เหมาะสม และขยายฐานลูกค้าและการจับตลาดใหม่ไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น อาทิ เวียดนาม และประเทศกัมพูชา ขณะที่ตลาดในประเทศซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ กลุ่มสิ่งทอ กลุ่มอาหาร โดยปัจจุบันมีปริมาณงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 1 ล้านตัน
ธุรกิจโลจิสติกส์ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายการให้บริการด้านโลจิสติกส์ โดยเตรียมแผนใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาการให้บริการ เพื่อขยายฐานลูกค้าภายนอกเพิ่ม โดยตั้งเป้าภายใน 2 ปี จะมีสัดส่วนการให้บริการจากลูกค้าภายนอกเพิ่มเป็น 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 32% เพื่อรองรับงานให้บริการขนส่ง ทั้งสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม โดยมีการให้บริการท่าเรือ, บริการขนส่งทางแม่น้ำ, บริการขนส่งทางรถบรรทุก, บริการโกดัง และ ลานกองเก็บ ปัจจุบันท่าเรือของบริษัท ได้ผ่าน EIA เป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งแสดงให้เห็นถึง การให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ
ธุรกิจพลังงานยั่งยืน (Sustainable Energy) บริษัทฯ ลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) ภายใต้บริษัทย่อย Green RDF ล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์นี้จะดำเนินการผลิต (COD)ส่วนขยายเพิ่มเติมอีก 3,000 ตันต่อเดือน ส่งผลให้ทั้งปีมีกำลังผลิต RDF เฉลี่ยอยู่ที่ 36,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีปริมาณการขายเฉลี่ยอยู่ที่ 14,362 ตัน
และการเข้าไปลงทุน ในบมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ "QTC" สัดส่วน 23.92% ช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นการสร้างโอกาสและการต่อยอดด้านการลงทุนในธุรกิจพลังงานในอนาคต เนื่องจาก QTC ดำเนินธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) และธุรกิจ EV
ธุรกิจ Human Solutions (Diversified Investments) ภายใต้บริษัทย่อย"เอจีอี เวนเจอร์ หรือ AGEV" (เดิม เอจีอี สีสซิ่ง) ในการดำเนินธุรกิจที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ เช่น ธุรกิจดีลเลอร์ขายรถไฟฟ้า EV โดยมีแผนจัดตั้งบริษัท เอจีอี ออโต้ แกลเลอรี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง AGEV และกลุ่ม ออโต้ แกลเอลรี่ กรุ๊ป และธุรกิจให้เช่ารถไฟฟ้า ซึ่งบริษัทจัดตั้ง บริษัท เอจีอี อีวี พลัส จำกัด เข้ามาดำเนินกิจการแผนการลงทุนในกลุ่มรถพลังงานไฟฟ้า (EV) สำหรับการปล่อยเช่าให้กับกลุ่มลูกค้าที่สนใจ