นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGC ตั้งเป้ายอดขายปี 69 ที่ 26,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มียอดขายปี 66 อยู่ที่ 15,116.30 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์ "Total Packaging Solution" ที่พร้อมให้บริการบรรจุภัณฑ์กับลูกค้าอย่างครบวงจร ไม่ใช่แค่การรับผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วเพียงอย่างเดียว
"เวลาทีมงานออกไปขายสินค้า เราไม่ได้ขายเฉพาะขวดแก้ว อยากจะให้ลูกค้าซื้อขวดแก้วเสร็จ ก็สามารถซื้อฉลาก หรือบรรจุภัณฑ์อื่น ๆ ได้ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นเราก็จะเป็นเหมือน One Stop Service ให้กับลูกค้า" นายศิลปรัตน์กล่าว
และจากกลยุทธ์ดังกล่าวคาดว่าในอีก 3-4 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้จะเปลี่ยนแปลงไป จากปัจจุบันที่ยอดขายบรรจุภัณฑ์แก้วอยู่ที่ 85% และยอดขายบรรจุภัณฑ์อื่น ๆ ที่ 15% ก็จะขยับเป็นยอดขายบรรจุภัณฑ์แก้ว 60% และยอดขายบรรจุภัณฑ์อื่น ๆ ที่ 40%
สอดคล้องไปกับการประเมินตลาดบรรจุภัณฑ์ในอนาคต โดยปี 67 คาดว่าตลาดบรรจุภัณฑ์แก้วคงเติบโตในอัตราไม่มากนัก ขณะที่บรรจุภัณฑ์ที่เติบโตมาได้ค่อนข้างแรง คือ ถุงเพาซ์ ทุกวันนี้เห็นในทุกกลุ่มสินค้า ทั้งขนม อาหาร น้ำยาปรับผ้านุ่ม แชมพู น้ำยาล้างจาน หรืออาหารสัตว์เลี้ยง
"ที่ถุงเพาซ์มาแรงกว่าตลาดอื่นเพราะต้นทุนถูกกว่า ขนส่งง่ายกว่า ไม่บุบ ไม่แตก และทำรูปลักษณ์ให้สวยงามได้ง่าย ที่สำคัญเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น ทำให้สินค้าในถุงเพาซ์มีอายุการเก็บรักษาได้นานขึ้น รวมถึงพัฒนาให้เป็นถุงที่ไรไซเคิลได้ง่ายขึ้นด้วย" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว
"ปีนี้คาดว่าจะเห็นดีล M&A ออกมาราว 2-3 ดีล ซึ่งเป็นดีลเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังผลิตในบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ใช่แก้วตามกลยุทธ์ที่เราอยากจะ Diversify สินค้าไม่ใช่พึ่งพิงแค่แก้วอย่างเดียว ดังนั้นถ้าเราจะต้องเติบโตในบรรจุภัณฑ์อื่นที่ไม่ใช่แก้ว ถ้าสร้างโรงงานอย่างเดียวคงไม่ทัน เพราะฉะนั้นต้องมีดีล M&A อยู่ด้วย" นายศิลปรัตน์กล่าว
แม้ว่าจะมองโอกาสขยายธุรกิจใหม่ แต่ปี 67 บริษัทก็ยังคงเดินหน้าปรับปรุงประสิทธิภาพารผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วที่ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์หลัก โดยตั้งงบลงทุนรวมราว 1,200 ล้านบาท ซึ่ง 800 ล้านบาทจะใช้ซ่อมเตาหลอมแก้วที่โรงงาน จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นการบำรุงรักษาตามการใช้งานทุก 12-15 ปี และเงินลงทุนอีก 300-400 ล้านบาทใช้ปรับปรุงโรงงานอื่น ๆ ที่เหลือ
https://youtu.be/Orpf9NJB1_Q