TKN ร่วง 7.08% มาที่ 10.50 บาท ลดลง 0.80 บาท มูลค่าซื้อขาย 114.77 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.40 น. โดยเปิดตลาดที่ 10.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 10.80 บาท ราคาต่ำสุดที่ 10.40
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การดำเนินงานปี 68 ของ บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) มีข้อกังวลด้านต้นทุนวัตถุดิบสาหร่ายเกิดขึ้น จึงจำต้องปรับลดกำไรลง 20% ต่อปี ในปี 68-69 และปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 10 บาท/หุ้น หลังราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 17% YTD
เราปรับลดคำแนะนำเป็น "ขาย" จาก "ซื้อ" หุ้น TKN เนื่องจาก 1. มีความกังวลด้านต้นทุนสาหร่ายที่เพิ่มขึ้นสำหรับการดำเนินงานในปี 68 ราคาสัญญานี้น่าจะได้ข้อสรุปในเดือนนี้ 2. เราปรับลดกำไรลงอย่างมากราว 20-21% ในปี 68-69 ขณะที่ยังคงประมาณการปี 67 เช่นเดิม โดยราคาเป้าหมายของเรา (ปีฐาน 67) ลดลงเหลือ 10 บาท (จาก 11.5 บาท) และ 3. หลังราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 17% YTD ตอนนี้มองว่า TKN มูลค่าแพง ซื้อขายที่ PE ที่ 20 เท่าในปี 67 เทียบกับแนวโน้มการเติบโต EPS ที่ชะลอลงที่ +9 ถึง -6% ในปี 67-68
ความกังวลด้านต้นทุน สาหร่ายทะเลคิดเป็น 35% ของ COGS ก่อนหน้านี้คาดว่าต้นทุนจะปรับตัวขึ้น 12% ในปี 67 ซึ่งเกิดจากการลงนามในสัญญาเมื่อต้นปี 66 ด้วยผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อตั้งแต่ปี 65 การเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นระดับที่บริหารจัดการได้สำหรับ TKN อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน TKN คาดว่าต้นทุนสาหร่ายในสัญญาซื้อใหม่ที่มีกำหนดลงนามในเดือนหน้าสำหรับการดำเนินงานในปี 68 จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของเรา และเป็นเพราะผลผลิตลดลงอันเป็นผลมาจากปรากฏการณ์เอลนิโญที่ทำให้น้ำที่มีสารอาหารน้อยลงสำหรับฟาร์มสาหร่ายทะเล
ทั้งนี้ TKN ได้ปรับเพิ่มราคาขายในไตรมาส 4/66 เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 12% ในปี 67 แต่ไม่มีแผนที่จะปรับขึ้นเพื่อครอบคลุมต้นทุนที่สูงขึ้นในปี 68 ทั้งหมด เนื่องจากกังวลวาจะกระทบต่อดีมานด์ แต่เราคาดว่าต้นทุนสาหร่ายทะเลจะลดลงบ้างในปี 69
อย่างไรก็ตาม TKN มีการดำเนินงานที่ดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นการส่งออกใหม่ คาดว่ายอดขายจะเติบโต 13% ,13% ,11% ในปี 67-69 จากฐานที่สูงที่ 21%, 22% ในปี 65-66 การส่งออกคิดเป็น 63% ของยอดขายในปี 66 โดยยอดขายจากจีนคิดเป็น 25%, สหรัฐฯ 11%, อินโดนีเซีย 9% และตลาดขนาดเล็กอื่นๆ 18% เราคาดยอดส่งออกจะเติบโต 13% ต่อปี และยอดขายในประเทศเติบโต 10% ต่อปี ในปี 67-69
ตลาดส่งออกส่วนใหญ่ยังคงเติบโต (Exhibit 7) แม้ว่าจะชะลอตัวลงจากฐานที่สูงก็ตาม TKN คาดว่าจะจำหน่ายใน Costco อีก 2 แห่งในสหรัฐอเมริกาในปีนี้จาก 4 แห่ง ในปัจจุบัน ผู้จัดจำหน่ายรายใหม่ในอินโดนีเซียดูเหมือนว่าจะไปได้ดี โดยมียอดขายสะดุดเพียงสองเดือนในช่วงเปลี่ยนผู้จัดจำหน่าย เราคาดว่ายอดขายในจีนจะเติบโต 14/12% ในปี 67-68 จากฐานที่สูงอยู่แล้ว
แม้ว่าราคาวัตถุดิบจะผันผวน แต่เรามองว่า TKN เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจได้ดี หลังจากเผชิญกับปัญหาใหญ่ในปี 60-64 จากต้นทุนสาหร่ายที่เพิ่มขึ้น สินค้าลอกเลียนแบบจากจีน และการล็อกดาวน์ทั่วโลก บริษัทฯ ฟื้นตัวได้ดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้ทุนสาหร่ายจะสูงขึ้น แต่ TKN น่าจะจะยังคงเป็นบริษัทที่ทำกำไรได้สูง โดยมี ROE ที่ 31% และ ROIC ที่ 38% ในปี 68 นอกจากนี้ยังมีระดับหนี้ที่ต่ำ โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนที่ -0.1 เท่า