บมจ.พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยว่า เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา คณะกรรมการและผู้บริหาร PRM ด้เดินทางไปประเทศสิงคโปร์ เพื่อทำพิธีรับมอบเรือ "Crew Boat ระบบไฮบริด" ลำที่ 2 อย่างเป็นทางการ หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทได้รับมอบเรือลำแรกไปแล้วเมื่อเดือนมกราคม 2567 นับเป็นเรือ "Crew Boat ระบบไฮบริด" 2 ลำแรก ที่ให้บริการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เรือ "Crew Boat ระบบไฮบริด" ที่รับมอบในครั้งนี้ สามารถประหยัดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ประมาณ 20-30% เมื่อเทียบกับเรือ Crew Boat แบบเดิม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ช่วยลดปัญหาโลกร้อน และสนับสนุนให้ PRM มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ "Net zero emissions" ในอนาคต โดยเรือทั้ง 2 ลำพร้อมให้บริการสนับสนุนงานด้านการขนส่งบุคคลากรและเครื่องจักร เพื่อสนับสนุนการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเลของ กลุ่มเชฟรอน และ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ซึ่งจะรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/67 เป็นต้นไป
การสั่งต่อเรือ Crew Boat ระบบไฮบริดทั้ง 2 ลำมีขึ้นหลังจาก เชฟรอน และ PTTEP ซึ่งเป็นลูกค้าหลักประกาศเจตนารมณ์เดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2050 เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางขององค์การสหประชาชาติ และสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ในปี 2065 ของประเทศไทย
ทั้งนี้ PRM เป็นผู้ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลว ทางเรือให้กับลูกค้าตามความต้องการอย่างครบวงจร พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการก๊าซเรือนกระจกและภาวะโลกร้อน รวมถึงสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศไทย ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาให้บริการกับลูกค้า เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมขนส่งและจัดเก็บปิโตรเลียมทางทะเลระดับชั้นนำของไทย
"ไม่เพียงแต่การนำนวัตกรรม Hybrid มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพของเรือในด้านการประหยัดพลังงานและลดการใช้เชื้อเพลิงสำหรับเรือ Crew Boat ทั้ง 2 ลำนี้ แต่บริษัทฯ ยังมองถึงการนำเทคโนโลยีการออกแบบเรือและการใช้เครื่องยนต์ระบบ Hybrid มาใช้ในเรือประเภทอื่นเพิ่มเติม การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการดักจับคาร์บอนกับกองเรือที่มีอยู่ในปัจจุบันและอาคารสำนักงาน รวมถึงเก็บข้อมูลสำหรับการจัดทำ Carbon Footprint ของธุรกิจ เพื่อเป็นฐานในการตั้งเป้าหมายสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และในปี 2567 นี้ บริษัทฯ ยังมีแผนเดินหน้าลงทุนขยายกองเรือประเภทอื่นๆ เพิ่มเติม ทั้งกลุ่มเรือขนส่งปิโตรเคมีและธุรกิจเรือ Offshore Support เพื่อสนับสนุนให้ผลประกอบการเติบโตตามเป้าที่กำหนดไว้" นางสาวนีรชา กล่าว