นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของ บมจ. แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น (BKGI) เปิดเผยว่า วันนี้ทีมผู้บริหาร BKGI และที่ปรึกษาทางการเงินได้ร่วมกันนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) รูปแบบไฮบริดบนแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ให้กับนักลงทุนได้เข้าใจถึงภาพรวมธุรกิจ และแผนการดำเนินงานในอนาคต รวมทั้งให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโต ภายหลังจากการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยคาดว่าจะสามารถระดมทุนและเข้าจดทะเบียนได้ภายในเดือนมีนาคม 67 นี้
"BKGI ถือเป็นธุรกิจ Bio Technology บริษัทแรกของไทย เป็นธุรกิจ New S-Curve สอดคล้องเมกะเทรนด์โลก ที่ผู้คนให้ความสำคัญกับการดูแลและรักษาสุขภาพ เพื่อป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งการให้บริการของบริษัทฯ ครอบคลุมทุกช่วงอายุ ตั้งแต่เกิดจนถึงสูงวัย ทำให้เห็นโอกาสเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในอนาคต"
นอกจากนี้ BKGI ยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ กลุ่ม BGI หนึ่งในผู้นำการถอดรหัสพันธุกรรมของโลกที่พร้อมสนับสนุนธุรกิจ และขยายความร่วมมือทางธุรกิจร่วมกันทั้งในส่วนของเทคโนโลยีและงานวิจัย
ทั้งนี้ BKGI มีแผนจะระดมทุนโดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 26.67% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด
นางสาวเสาวลักษณ์ ด่านสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BKGI กล่าวว่า บริษัทประกอบกิจการห้องปฏิบัติการ และให้บริการการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ การที่มีกลุ่ม BGI หนึ่งในผู้นำการถอดรหัสพันธุกรรมของโลกถือหุ้นใหญ่ ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพทางธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจาก BGI มีเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำสมัย ถูกต้องและแม่นยำ ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
นายเสี่ยวฮาน หวาง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BKGI กล่าวว่า กลุ่ม BGI พร้อมให้การสนับสนุนแก่ BKGI ในฐานะที่เป็นบริษัทที่อยู่ในกลุ่มของ BGI อย่างเต็มที่ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยีด้านการถอดรหัสพันธุกรรมและงานวิจัย อีกทั้งยังมีแผนใช้ไทยเป็น Hub เพื่อขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากไทยมีนโยบาย Medical Hub ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มองว่าเป็นโอกาสการขยายธุรกิจได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มผู้ถือหุ้นของ BKGI ที่เป็นคนไทย พร้อมทำงานร่วมกัน เพื่อผลักดันการเติบโตที่แข็งแกร่ง และยั่งยืนในอนาคต
ทั้งนี้ BGI Shenzhen (กลุ่ม BGI) ก่อตั้งขึ้นในปี 2551 โดยมีผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือ Mr. Wang Jian ซึ่งเป็นผู้มีส่วนร่วมในโครงการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ โดย BGI Shenzhen ตั้งอยู่ในเมืองเสิ่นเจิ้นของจีน มีพนักงานมากกว่า 10,000 คน กระจายกว่า 100 ประเทศทั่วโลก มีงานวิจัยตีพิมพ์มากกว่า 3,800 ฉบับ ได้รับสิทธิบัตรมากกว่า 1,700 ฉบับ และให้ความร่วมมือกับสถาบันวิจัยและพันธมิตรอื่น ๆ มากกว่า 2,000 แห่งทั่วโลก โดยมี BGI Genomics เป็นหนึ่งในบริษัทของกลุ่ม BGI ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BKGI ผ่านการถือหุ้นโดย BGI Health (HK) ซึ่ง BGI Genomics ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เสิ่นเจิ้น ในปี 2565
อนึ่ง BKGI มีลักษณะการประกอบธุรกิจแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. ธุรกิจการให้บริการตรวจคัดกรองและวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1) การตรวจคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ 2) การตรวจวิเคราะห์กลุ่มโรคติดเชื้อ เช่น การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อก่อโรคโควิด-19 และการตรวจภูมิคุ้มกัน 3) การตรวจคัดกรองอื่นๆ ได้แก่ การตรวจคัดกรองกลุ่มยีนที่มีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็ง และการตรวจคัดกรองโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมอื่นๆ และ 4) การให้บริการงานด้านเทคโนโลยี
2. ธุรกิจการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อื่นๆ (Other Products) อาทิ ชุดอุปกรณ์สำหรับการเก็บสิ่งส่งตรวจ น้ำยาตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 และน้ำยาตรวจภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด-19 และชุดอุปกรณ์สำหรับตรวจความผิดปกติทางพันธุกรรมแบบครบวงจร เป็นต้น รวมทั้งในอนาคต จะมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ให้กับลูกค้าที่ใช้บริการถอดรหัสทางพันธุกรรมเฉพาะบุคคลอย่างละเอียด ตามคำแนะนำของแพทย์