นายพงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส (PPS) เปิดเผยว่า บริษัทยื่นเสนองานใหม่ด้านวิศวกรที่ปรึกษาในไตรมาส 1/67 ไปแล้ว 27 โครงการ ซึ่งมีการเซ็นสัญญาแล้วกว่า 67.25 ล้านบาท ส่วนที่เหลือคาดว่าจะทราบผลประมูลภายในไตรมาสนี้ ขณะที่บริษัทยังติดตามงานของภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการมิกซ์ยูส ปรับปรุงศูนย์การค้า การพัฒนาโรงแรมใหม่ๆ โรงพยาบาลเอกชน รวมถึงงานโครงการของภาครัฐ โดยเฉพาะงานก่อสร้างส่วนต่อขยายสนามบินสุวรรณภูมิ และการพัฒนาสนามบินอื่นๆ
บริษัทประเมินว่า ณ สิ้นปีนี้จะมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 348.74 ล้านบาท ส่งผลให้รับรู้รายได้จากการบริหารโครงการต่อเนื่อง มั่นใจว่าจะเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง ซึ่งปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% รายได้แตะ 500 ล้านบาท เชื่อว่าจะสามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ โดยจะมีการรับรู้รายได้จาก Backlog ในปีนี้ราว 300 ล้านบาท และจะมีการทยอยรับรู้ฯใหม่เพิ่มเติมอีก 200 ล้านบาท
"ปี 67 มั่นใจว่าจะเห็นการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานของบริษัทกลับมา จากปีก่อนที่ขาดทุนเพราะมีการบันทึกการตั้งสำรองรับรู้ความเสียหายจากคดีความเข้ามาในงบการเงินปี 66 ราว 19 ล้านบาท แต่ปีนี้อาจจะมีการบันทึกกำไรพิเศษในส่วนนี้กลับมาจากการเคลมประกัน และไม่มีปัจจัยอื่นๆ เข้ามากดดันเพิ่มเติม ทำให้จะได้เห็นการฟื้นตัวของผลการดำเนินงาน และคาดว่าไตรมาส 3/67 จะเป็นช่วงที่ผลการดำเนินงานจะโดดเด่นที่สุด จากงานโครงการทยอยรับรู้รายได้เข้ามามาก"นายพงศ์ธร กล่าว
ขณะที่โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทลักซ์ชัวรี่วิลล่าในที่ดินแหลมยามู จ.ภูเก็ต (Headland Cape Yamu) หลังร่วมมือกับพันธมิตร Fendi แบรนด์ชั้นนำระดับโลก เตรียมเปลี่ยนชื่อเป็น Fendi Private Estates Phuket นับเป็น Fendi Private Estates แห่งที่ 2 ต่อจากสวิตเซอร์แลนด์
นายพงศ์ธร กล่าวว่า Fendi จะเข้ามาเสริมความโดดเด่นให้โครงการ เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างภาพลักษณ์ของวิลล่า ตอบสนองความต้องการกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อระดับบน โดย จ.ภูเก็ต ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายของชาวต่างชาติที่ย้ายมาพำนักอาศัยจากภาวะสงคราม อีกทั้ง ภาพรวมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดี
โครงการในโฉมใหม่จะเริ่มเปิดขายในช่วงปลายมี.ค.หรือต้นเม.ย.นี้ ราคาเริ่มต้น 450 ล้านบาท และจะปรับราคาขายเพิ่มขึ้นหลังจากขายแต่ละหลังได้ ซึ่งเป็นการทยอยขายและเป็นกลยุทธ์ที่สามารถสร้างมูลค่าให้กับสินทรัพย์ และถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทิศทางผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ หากเริ่มขายวิลล่าหลังแรกได้ เพราะจะสามารถรับรู้ส่วนแบ่งรายได้เข้ามา นอกเหนือจากรายได้จากงานที่ปรึกษาการก่อสร้างวิลล่า
พร้อมกันนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการพัฒนาโครงการวิลล่าแห่งใหม่ในภูเก็ตในโซนลากูน่า ซึ่งปัจจุบันถือเป็นทำเลที่ชาวต่างชาติให้ความนิยม และมีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายเข้าไปพัฒนาโครงการ
นายพงศ์ธร กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจปี 67 บริษัทมุ่งเน้นบริหารองค์ความรู้และพัฒนาเทคโนโลยี เพิ่มทักษะบุคลากร ยกระดับธุรกิจที่ยั่งยืน เพื่อให้เกิดรายได้และรักษาความเป็นเลิศ ความสัมพันธ์และความไว้วางใจของคู่ค้า
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนการดำเนินงาน ประกอบด้วย การพัฒนาบุคลากรผ่านสถาบันการอบรบ PPS Academy เน้นการสร้างรายได้เพิ่ม สร้างคน เพิ่มทักษะรับงานที่หลากหลาย เพื่อลดต้นทุนการจ้างงาน ลดการเสียเวลาและโอกาสในการได้บุคคลากรที่มีศักยภาพเหมาะสมกับความต้องการของบริษัท
อีกทั้ง บริษัทนำนวัตกรรมการก่อสร้างและเทคโนโลยีเข้ามาเสริมประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ ช่วยในการบริหารจัดการงานก่อสร้าง ทั้ง Software Kanna ที่ช่วยในการจัดการเอกสาร จัดการงาน ติดตามความคืบหน้า รายงานและสื่อสารภายในทีม ทำให้บริษัทบริหารทรัพยากรบุคคลและเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึง HoloBuilder แพลตฟอร์มการก่อสร้างแบบครบวงจรที่ใช้ภาพถ่าย 360 องศาและเทคโนโลยีการจับภาพความเป็นจริง เพื่อช่วยให้ทีมงานก่อสร้างสื่อสารและทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น เทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยเสริมประสิทธิภาพให้บริษัทสามารถดูแลลูกค้าได้มากขึ้น ลดจำนวนพนักงาน ลดค่าใช้จ่าย และสามารถสร้างรายได้ประจำให้แก่บริษัทได้
นอกจากนี้ PPS มีเป้าหมายระยะยาวที่จะสร้าง Carbon Neutral องค์กรภายในปี 2030 สามารถเป็นองค์กรที่ตรวจวัดและประเมิน Carbon Credit Equivalent และได้รับการรับรองจากองค์กรบริหารก๊าซเรือนกระจก คาดว่าจะสามารถขึ้นทะเบียนเป็นผู้ทวนสอบ จากองค์การบริหารก็ซเรือนกระจกภายในไตรมาส 1/67 นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีบริษัทจำนวนมากที่มองหาที่ปรึกษาเกี่ยวกับการลดคาร์บอน โดย PPS มีความพร้อมในการเป็นที่ปรึกษา จากประสบการณ์ที่บริษัทมีการบันทึกคาร์บอนมาตั้งแต่ปี 2561 และรับรางวัลด้านความยั่งยืน (Sustainability) มาอย่างต่อเนื่อง